แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายความรับปรึกษาหารือในทางอัถคดีและได้ตรวจดูหลักฐานเอกสารต่างๆ ของโจทก์ แต่ไม่ได้ตกลงกันภายหลังกลับรับเป็นทนายแก้ต่างให้อีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมมีความผิดตรา พ.ร.บ.ทนายความ 2477 มาตรา 12 ข้อ 4
ย่อยาว
โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเป็นทนายความ เดิมนางจันไปหาจำเลยให้เป็นทนายฟ้องนางน้อมเป็นจำเลย นายสถิตย์จำเลยได้ตรวจดูหลักฐานเอกสารต่างๆ ของนางจันแล้วเรียกค่าจ้าง ๒๕๐ บาท แต่ไม่ตกลงกัน นางจันจึงไปหาคนอื่นเป็นทนาย ต่อมานายสถิตย์จำเลยกลับรับเป็นทนายแก้ต่างนางน้อมจำเลยในคดีนั้น
นายสถิตย์จำเลยให้การรับว่าได้เป็นทนายให้นางน้อมจำเลยจริง แต่เป็นเพราะหลงลืมเมื่อนึกขึ้นได้ก็ยี่นคำร้องขอถอนตัวทันที
อัยการสอดส่องความประพฤติทนายความพิจารณาแล้วทำรายงานเสนอศาลอุทธรณ์ ว่าการกระทำของจำเลยผิดต่อข้อบังคับทนายความ พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๑๒ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เวลาที่นายสถิตย์จำเลยรับปรึกษากับรับเป็นทนายแก้ต่างให้นางน้อมระยะไม่ถึงเดือน ไม่มีเหตุที่จะฟังว่าเป็นการหลงลืม แม้นายสถิตย์จะต่อสู้ว่าคำให้การของนางน้อมในคดีนั้น ไม่ได้อาศัยข้อเท็จจริงจากคำปรึกษาของนางจันก็ดี นายสถิตย์ก็หาพ้นผิดไปได้ไม่ เพราะตามข้อบังคับข้อ ๔ ไม่ได้มุ่งหมายว่าต้องใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลืออีกฝ่ายหนึ่งจึงจะเป็นผิด แม้เพียงได้รับปรึกษาหารือรู้เรื่องโดยหน้าที่แล้ว ภายหลังไปรับเป็นทนายอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน เห็นว่านายสถิตย์มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๑๒ ข้อ ๔
นายสถิตย์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่นายสถิตย์ยกความหลงลืมขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวนั้น ไม่มีเหตุที่จะฟัง เพราะวันปรึกษากับวันเป็นทนายเป็นวันกระชั้นชิดกัน และการรับปรึกษานั้นไม่ใช่เป็นโดยผิวเผิน เพราะนายสถิตย์ได้ตรวจดูหลักฐานทั้งมวลอันเป็นภาพประกอบความจำให้แน่นแฟ้น จึงพิพากษายืน