คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้หรือไม่นั้นอยู่ในดุลพินิจของศาล และโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายก่อนครบกำหนดยื่นฎีกาทั้งเหตุที่ขอขยายเวลานั้นก็เพราะว่าโจทก์ได้ย้ายที่ทำการแห่งใหม่และได้แต่งตั้งทนายโจทก์คนใหม่แล้ว ทนายโจทก์คนใหม่ได้แจ้งให้ศาลทราบด้วยว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ขอให้แจ้งไปที่ทำการแห่งใหม่ ปรากฏว่าเจ้าพนักงานของศาลได้ส่งหมายนัดไปยังทนายโจทก์คนเดิม โจทก์จึงไม่ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษและมีเหตุสมควร คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกา จึงชอบแล้ว การกู้ยืมเงิน แม้หนังสือสัญญากู้เงินจะมิได้ระบุว่าจำเลยกู้เงินไปจากใครก็ตาม แต่ก็มีข้อความระบุว่าจำเลยได้กู้เงินจำนวน500,000 บาท ไป โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ว่าจำเลยกู้เงินไปจากใคร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินจากโจทก์ 500,000 บาท ครบกำหนดจำเลยไม่ชำระเงินคืน ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และว่าจำเลยว่าสัญญากู้จริงแต่ไม่ได้ทำกับโจทก์และไม่ได้รับเงินไปจากโจทก์ ภายหลังไม่ได้มีการกู้ยืมเงินตามสัญญา สัญญากู้จึงถูกยกเลิกต่อกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องต้องไม่เกิน 21,874 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ขยายเวลายื่นฎีกานั้นเห็นว่า การที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้หรือไม่นั้น อยู่ในดุลพินิจของศาล และปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอขยายก่อนครบกำหนดยื่นฎีกา ทั้งเหตุที่ขอขยายเวลานั้น ก็เพราะว่าโจทก์ได้ย้ายที่ทำการแห่งใหม่และได้แต่งตั้งทนายโจทก์คนใหม่แล้ว ทนายโจทก์คนใหม่ได้แจ้งให้ศาลทราบด้วยว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ ขอให้แจ้งไปที่ทำการแห่งใหม่ ปรากฏว่าเจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายนัดไปยังทนายโจทก์คนเดิม โจทก์จึงไม่ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษและมีเหตุสมควร คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกานั้น จึงชอบแล้ว
ปัญหาว่า จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.3 จะมิได้ระบุว่าจำเลยกู้เงินไปจากใครก็ตาม แต่ก็มีข้อความระบุว่าจำเลยได้กู้เงินจำนวน500,000 บาท ไป ดังนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ว่าจำเลยกู้เงินไปจากใคร แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยได้กู้เงินและรับเงินไปจากโจทก์ตามหนังสือสัญญากู้เงินท้ายฟ้อง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share