แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อคนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยต่างขับรถชนกันโดยความประมาทเลินเล่อมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ก็เท่ากับว่าทั้งสองฝ่ายต่างทำละเมิดต่อกันเท่าๆ กันค่าเสียหายย่อมเป็นพับกันไปจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทประกันภัย ได้รับประกันภัยรถยนต์จากบริษัทเอเซีย ไฟเบอร์ จำกัด ระหว่างอายุประกันภัย คนขับของจำเลยในทางการที่จ้างได้ขับรถยนต์ของจำเลยโดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยเสียหาย โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 20,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า คนขับรถฝ่ายจำเลยมิใช่ลูกจ้างของจำเลย แต่เป็นผู้ที่เช่ารถจำเลยไป เหตุเกิดก็มิใช่เพราะความประมาทของคนขับรถฝ่ายจำเลยค่าเสียหายสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงินจำนวน 10,375 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า รถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน ก.ท.จ.-3693 ซึ่งนายจำนงค์เป็นผู้ขับ กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน 4 ค-0834 ซึ่งนายมานิตย์เป็นผู้ขับ ได้เกิดชนกันเพราะผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายต่างขับรถยนต์ประมาทเลินเล่อมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากันและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน 4 ค-0834 ได้รับความเสียหายโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าว ได้นำรถไปซ่อมและชำระค่าซ่อมรถไปแล้วเป็นเงิน 20,750 บาท โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวจากจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นนายจ้างของนายจำนงค์ ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.จ.-3693 ดังนี้ มีปัญหาว่าจำเลยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ครึ่งหนึ่งตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคนขับรถยนต์ทั้งของฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างขับรถยนต์ชนกันโดยความประมาทเลินเล่อมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ก็เท่ากับทั้งสองฝ่ายต่างทำละเมิดต่อกันเท่า ๆ กันค่าเสียหายย่อมเป็นพับกันไปจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์