คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คูที่ใช้เป็นที่จอดเรืออันเป็นประโยชน์ของประชาชนใช้กันมาเป็นเวลานานนั้น แม้จะตื้นเขินไม่มีสภาพเป็นคูต่อไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกา
การที่เอาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปให้เช่านั้น ผู้ให้เช่าย่อมหมดสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้เช่า นับแต่ผู้เช่าได้ไปทำสัญญาเช่ากับอำเภอแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๘ ก.ค.๙๗ นายจิตต์จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยกำหนด ๒ ปี ค่าเช่า+ละ ๑,๕๐๐ บาท ครบกำหนด ๑ ปี จำเลยไม่นำค่าเช่ามาชำระให้โจทก์ ๆ เดือน นายจิตต์เฉย โจทก์จึงบอกเลิกการเช่าและให้ออกไปจากที่ดิน นายจิตต์จำเลยทราบแล้วไม่ออก โจทก์จึงฟ้องขับไล่ และเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหายจนกว่าจะออกเดือนละ ๑๒๕ บาท
นายจิตต์จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับโจทก์ และโจทก์ตกลงขายที่ดินให้จำเลย เมื่อไปทำหนังสือสัญญาซื้อขาย ทางอำเภอไม่ยอมทำโดยอ้างว่าเป็นที่ดินของรัฐบาล ทางอำเภอได้ให้จำเลยเช่าที่ดินรายนี้ต่อทางการแล้ว
ต่อมา นายอาทิตย์ นายอำเภอระโนตเข้ามาเป็นจำเลย และให้การว่าที่ดินเป็นที่ว่างเปล่าชายตลิ่งคลองระโนด น้ำในคลองขึ้นลงถึง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน อยู่ในความดูแลของอำเภอระโนด โจทก์หามีสิทธิอย่างใดไม่ และนายอาทิตย์จำเลยให้นายจิตต์จำเลยเช่าที่รายนี้แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ยึดถือที่ดินไว้เพื่อตน จึงได้สิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๖๘ ขับไล่นายจิตต์จำเลยและบริวารรื้อถอนออกไปจากที่พิพาท และใช้ค่าเช่าโจทก์เป็นเงิน ๑,๘๗๕ บาท ค่าเสียหาย ๕๐๐ บาท กับค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์นับแต่วันที่ ๘ ต.ค.๒๔๙๘ เดือนละ ๑๒๕ บาท จนกว่าจะออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน นายอาทิตย์จำเลยให้นายจิตต์จำเลยเช่าไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่นายจิตต์จำเลย และให้นายจิตต์จำเลยชำระค่าเช่าโจทก์เดือนละ ๑๒๕ บาทนับแต่วันที่ ๘ ก.ค.๒๔๙๗ ถึงวันสิ้นปี พ.ศ.๒๔๙๗ กับค่าเสียหาย ๑๐๐ บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับนายอาทิตย์จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่าเดิมที่พิพาทเป็นคูอยู่ริมคลอง น้ำในคลองขึ้นท่วมถึง คูนี้ชาวบ้านใช้จอดเรีอสำหรับขึ้นฝั่งไปสพานสาธารณะ ซึ่งเป็นประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนรวมใช้กันมาเป็นเวลาช้านาน จึงถือได้ว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือเรียกว่าทรัพย์นอกพาณิชย์ บุคคลใดจะยึดถือเพื่อตนหรือโอนให้แก่กันมิได้ นอกจากกระทำโดยอาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกาตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๐๕ และเมื่อที่ดินไม่ใช่ของโจทก์ และจำเลยได้มีสัญญาเช่ากับทางอำเภอแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่นายจิตต์จำเลย

Share