คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในฟ้องของโจทก์ระบุว่าจำเลยเอาของกลางไปขายฝากผู้อื่นไว้ แล้วขอให้ศาลสั่งคืนของกลางนั้นให้เจ้าทรัพย์ดังนี้ ศาลจะสั่งให้คืนของกลางไม่ได้ อ้างฎีกาที่ 94/2483 และที่ 447/ 2483

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักนาฬิกาข้อมือของนายรอดไป ต่อมาจำเลยได้นำนาฬิกานั้นไปขายฝากไว้กับนายกวนหรือสุวรรณโดยจำเลยลักหรือรับนาฬิกานี้ไว้จากโจรผู้ร้ายโดยรู้อยู่แล้วว่าได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา 288, 321, 72, กับ ขอให้สั่งคืนนาฬิกาของกลางให้แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
ศาลจังหวัดลพบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา 321 ส่วนคำขอของโจทก์ให้คืนนาฬิกาแก่เจ้าทรัพย์ยังไม่ควรบังคับชั้นนี้ เพราะกรณีปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับคนที่ 3 โดยยังไม่ปรากฏเหตุผลที่จะบังคับจึงให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์และขอให้สั่งคืนนาฬิกานี้แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่ผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าควรบังคับให้ จำเลยคืนนาฬิกาแก่เจ้าทรัพย์ ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน
โจทก์ฎีกาขอให้สั่งคืนนาฬิกานี้แก่เจ้าทรัพย์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เจาะจงขอให้ศาลสั่งให้นายกวนหรือสุวรรณ์คืนนาฬิกาของกลางให้แก่เจ้าทรัพย์ หาใช่ขอให้สั่งจำเลยคืนของกลางไม่ การที่ขอให้ส่งคืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์นั้น เป็นกรณีแพ่ง โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้นำนาฬิกาของกลางไปขายฝากไว้กับนายกวนหรือสุวรรณเพียงเท่านี้ยังไม่พอชี้ขาดในทางแพ่งให้นายกวนหรือสุวรรณคืนของกลางให้แก่เจ้าทรัพย์เพราะกรณีอาจเข้า ประมวล แพ่งมาตรา 1332 ได้ ซึ่งนายกวนหรือสุวรรณ์ผู้ซื้อ ฝากไม่จำต้องคืนนาฬิกานั้นให้แก่เจ้าทรัพย์ เว้นแต่เจ้าทรัพย์จะชดใช้ราคาที่ซื้อฝากให้ อนึ่งจะถือเอาความเห็นแย้งของผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์มาเป็นฎีกาของโจทก์ด้วยนั้นไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 , 225 บัญญัติว่าฎีกาทุกฉบับต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับฎีกาของโจทก์มิได้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว จึงไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ยกฎีกาโจทก์เสีย

Share