คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินที่จำเลยนำมาวางต่อศาลแรงงานกลางเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาย่อมถือได้ว่าเป็นเงินของโจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของบริษัทซึ่งได้ฟ้องโจทก์ที่ศาลแพ่ง ดังนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลแพ่งในฐานเป็นเจ้าพนักงานของศาลแพ่งและผู้แทนของบริษัทดังกล่าวจึงมีสิทธิที่จะขออายัดเงินที่จำเลยนำมาวางต่อศาลแรงงานกลางได้

ย่อยาว

คดีนี้มูลกรณีสืบเนื่องมาแต่ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานพิพากษาให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างจ่ายค่าจ้างค้างชำระ เงินสะสมและเงินสมทบพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างในกรณีที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยจึงได้วางเงินตามคำพิพากษาต่อศาลแรงงานกลาง แล้วศาลแรงงานกลางได้รับหนังสือขออายัดเงินจากเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี จำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ในคดีแพ่ง ของศาลแพ่ง ซึ่งศาลแพ่งได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว จึงขออายัดเงินที่จำเลยวางต่อศาลแรงงานกลาง ขอให้ศาลแรงงานกลางส่งเงินไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าเป็นกรณีลูกหนี้ตามคำพิพากษานำเงินมาวางศาลในชั้นคดีถึงที่สุด เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ชอบที่จะได้รับเงินตามคำพิพากษา หากจำเลยเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลแพ่ง ก็ชอบที่จะร้องขอหักจำนวนหนี้ต่อศาลแรงงานกลาง โดยแสดงเหตุผลอันสมควรได้ ส่วนเจ้าหนี้อื่นเห็นว่าไม่มีกฎหมายใดที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีขออายัดเงินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาขอวางเงินต่อศาลเพื่อชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้”
ต่อมาจำเลยและผู้ร้องยื่นคำร้องขออายัดเงินที่จำเลยนำมาวางศาลต่อศาลแรงงานกลาง และขอให้ศาลแรงงานกลางส่งเงินดังกล่าวไปยังกรมบังคับคดี ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้อง
จำเลยและผู้ร้องร่วมกันอุทธรณ์คำสั่งของศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกา
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ ศาลแรงงานกลางอนุญาต และจำเลยได้รับเงินจากศาลแรงงานกลางเรียบร้อยแล้ว จึงขอถอนอุทธรณ์เฉพาะส่วนของจำเลย ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานมีคำสั่งอนุญาตแล้ว
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า บริษัทผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ในคดีที่ผู้ร้องฟ้องโจทก์ที่ศาลแพ่ง ซึ่งศาลแพ่งได้ออกคำบังคับและหมายบังคับคดีส่งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว ดังนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี จึงเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑ (๑๔) ย่อมมีอำนาจหน้าที่ในฐานเป็นผู้แทนของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะรับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่โจทก์ผู้เป็นลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๘ และมีอำนาจที่จะรวบรวมเงินให้พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งแก่ผู้ร้องตามมาตรา ๒๘๒
เงินที่จำเลยในคดีนี้นำมาวางต่อศาลแรงงานกลางเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานย่อมถือได้ว่าเป็นเงินของโจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องซึ่งได้ฟ้องโจทก์ที่ศาลแพ่ง เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลแพ่งในฐานเป็นเจ้าพนักงานของศาลแพ่ง และในฐานเป็นผู้แทนของผู้ร้องผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงมีสิทธิที่จะขออายัดเงินที่จำเลยวางต่อศาลแรงงานกลางได้ตามอำนาจแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๑, ๒๗๘ และ ๒๘๒
พิพากษากลับ ให้ศาลแรงงานกลางส่งเงินที่จำเลยวางศาลส่วนที่เหลือจากการหักกลบลบหนี้กับโจทก์ไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี

Share