คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ไปอีก 15 วัน โดยระบุวันเดือนปีที่ครบกำหนดไว้ด้วย ปรากฏว่าในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังนั้นได้ล่วงเลยวันที่ครบกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ไปแล้วดังนี้คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ เพราะมีผลเท่ากับไม่ได้ขยายระยะเวลาให้โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งก็หมดโอกาสที่จะชำระค่าธรรมเนียมเสียแล้ว ขัดกับเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 กรณีเช่นนี้ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง หากโจทก์ยังติดใจอุทธรณ์ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2531 ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม 2531 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลาการนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระออกไปอีก 15 วัน ศาลชั้นต้นส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2531ตามที่โจทก์ขอ ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังวันที่ 26 กันยายน2531 และมีคำสั่งว่าเกินกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์สั่ง ถือว่าคำขอของโจทก์ถูกยกโดยคำสั่งศาลอุทธรณ์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาในชั้นนี้ว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่กำหนดวันให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาชำระซึ่งล่วงเลยกำหนดเวลาแล้วชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2531 โจทก์ได้ขอขยายระยะเวลาการนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางต่อศาลชั้นต้นออกไปอีก15 วัน นับแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2531 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียม จึงเป็นการร้องขอขยายระยะเวลาการนำเงินมาชำระค่าธรรมเนียมก่อนสิ้นระยะเวลานั้น ศาลชั้นต้นได้สั่งให้ส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2531 ต่อมาวันที่20 มิถุนายน 2531 จ่าศาลแพ่งจึงได้ทำหนังสือส่งคำร้องและสำนวนไปยังจ่าศาลอุทธรณ์ ตามหนังสือที่ ยธ. 0208/26283 วันที่ 19สิงหาคม 2531 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในวันที่ 25 พฤษภาคม2531 แม้ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้โจทก์ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมออกไปอีก 15 วัน ตามคำร้องขอของโจทก์ แต่ก็เห็นได้ว่าวันที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาชำระนั้นได้ล่วงเลยระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมไปแล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงมีผลเท่ากับไม่ได้ขยายระยะเวลาให้โจทก์ เพราะเมื่อโจทก์ทราบคำสั่งโจทก์ก็หมดโอกาสที่จะชำระค่าธรรมเนียม เนื่องจากพ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเสียแล้ว เจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นี้มุ่งหมายที่จะผ่อนคลายข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งหรือตามที่ศาลได้กำหนดไว้ เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ จึงเป็นอำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจว่ามีเหตุสมควรประการใด การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดวันให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาชำระที่ล่วงเลยกำหนดเวลามาแล้วเช่นนี้ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว คำสั่งศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษานี้ ถ้าโจทก์ไม่ชำระในกำหนดก็ให้ยกคำร้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลอุทธรณ์

Share