แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2508 แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เซ็นทราบการฟังคำพิพากษาในวันนั้นด้วย จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2508 ความจึงปรากฏว่าจำเลยได้ลงชื่อในการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้เรียกโจทก์มาทราบคำพิพากษา และได้มีบันทึกว่า โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 28 ธันวาคม 2508 ดังนี้ จึงต้องนับอายุฎีกาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2508 อันเป็นวันที่โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นฎีกาวันที่ 7 มกราคม 2509 ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เช่นนี้ ฎีกาของโจทก์ย่อมไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจร่วมกันเป็นคนร้ายลักโค ๒ ตัว ราคา ๒,๗๐๐ บาทของนายเงิน พิมพ์ใหม่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕, ๓๕๗ และ ๘๓ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยลักโครายนี้จริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕, ๘๓ ให้จำคุกคนละ ๓ ปี กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒,๗๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สงสัยพยานโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยคัดค้านว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ โจทก์ฎีกาเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๐๙ ขาดอายุฎีกาแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อคัดค้านของจำเลยปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เซ็นทราบการฟังคำพิพากษาในวันนั้นด้วย จนถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๐๘ ความจึงปรากฏขึ้นว่าจำเลยได้ลงชื่อในการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้เรียกโจทก์มาทราบคำพิพากษา และได้มีบันทึกว่า โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๐๘ ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๖ บัญญัติว่า คู่ความมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้คู่ความฝ่ายฎีกาฟัง คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายฎีกา จะเริ่มนับอายุฎีกาแต่วันที่จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังจำเลยคัดค้านไม่ได้ ต้องนับตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๐๘ อันเป็นวันที่โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นฎีกาในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๐๙ ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เช่นนี้ ฎีกาโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ข้อเท็จจริงศาลฎีกาฟังได้เช่นเดียวกันกับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน.