คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6708/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครโจทก์แจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยชอบที่ จะยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 มาตรา 25 ได้ และหากจำเลยยังไม่พอใจในคำชี้ขาดก็นำคดีไปสู่ศาลได้ตามมาตรา 31 แต่จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีทั้งสิ้นซึ่งถึงกำหนดต้องชำระเสียก่อนตามมาตรา 39 เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่และมิได้ชำระค่าภาษีทั้งสิ้นแก่โจทก์ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดผลการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์จึงเป็นอันยุติห้ามมิให้จำเลยนำคดีไปสู่ศาลซึ่งหมายความรวมถึงว่าจำเลยไม่มีสิทธิโต้แย้งว่าการประเมินไม่ถูกต้อง ไม่ว่าผู้รับประเมินจะอยู่ในฐานะโจทก์หรือจำเลย ดังนั้น จำเลยจะต่อสู้ว่าการประเมินไม่ถูกต้องไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมเงินเพิ่มจำนวน 1,766,655 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พื้นที่โกดังสินค้าเพียง 645 ส่วน (ตารางวา) พื้นที่ที่เหลือ 846 ส่วน(ตารางวา) เป็นของบริษัทเงินทุนบางกอกเงินทุน จำกัดและเป็นผู้ได้รับค่าเช่าในส่วนดังกล่าวระหว่างปี 2529 ถึง 2535จำเลยจึงมีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนเฉพาะพื้นที่ 645 ส่วน เท่านั้น
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า จำเลยได้รับแจ้งการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วไม่ได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่และไม่ได้ชำระค่าภาษี จึงไม่มีสิทธิที่จะต่อสู้ว่าการประเมินดังกล่าวไม่ถูกต้อง พิพากษาให้จำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมเงินเพิ่มจำนวน 1,766,655 บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ปัญหาต่อไปตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประเมินถูกกรุงเทพมหานครเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินโดยผู้รับประเมินตกเป็นจำเลย จึงไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 25, 27, 31และ 39 จำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้ทุกประการที่เกี่ยวข้องข้อนี้เห็นว่าศาลภาษีอากรกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติโดยจำเลยไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์แจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินให้จำเลยทราบแล้วจำเลยมิได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่และมิได้ชำระค่าภาษีทั้งสิ้นซึ่งถึงกำหนดต้องชำระให้แก่โจทก์ โจทก์จึงฟ้องเรียกให้จำเลยนำภาษีที่ค้างมาชำระดังนี้ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475เมื่อจำเลยไม่พอใจการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 และหากจำเลยยังไม่พอใจในคำชี้ขาดการประเมินก็สามารถนำคดีไปสู่ศาลเพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่าการประเมินนั้นไม่ถูกต้องได้ ตามมาตรา 31แต่จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีทั้งสิ้นซึ่งถึงกำหนดต้องชำระเสียก่อนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39 เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่และมิได้ชำระค่าภาษีทั้งสิ้นให้โจทก์ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดผลการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์จึงเป็นอันยุติห้ามมิให้จำเลยนำคดีไปสู่ศาล ซึ่งหมายความรวมถึงว่าจำเลยไม่มีสิทธิโต้แย้งว่าการประเมินไม่ถูกต้องด้วย ไม่ว่าจำเลยผู้รับประเมินจะอยู่ในฐานะโจทก์หรือจำเลยก็ตาม ดังนั้นจำเลยจะอ้างว่าการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่ถูกต้องหาได้ไม่ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share