คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6702/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ในคดีก่อนที่จำเลยทั้งสามฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง แต่จำเลยทั้งสามกลับนำคดีมาฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน และแบ่งแยกโฉนดที่ดินในส่วนที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเป็นของตนอีก ซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันและคดีถึงที่สุดไปแล้ว ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าจำเลยทั้งสามไม่มีสิทธินำประเด็นที่ถึงที่สุดดังกล่าวมาฟ้องโจทก์แล้ว การที่จำเลยทั้งสามยังมาฟ้องโจทก์ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอันถึงที่สุดไปแล้วนั้นมาฟ้องโจทก์อีกอันเป็นการฟ้องซ้ำ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อสู้คดีปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของตนจากการกระทำอันไม่สุจริตของจำเลยทั้งสามดังกล่าวจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ และค่าว่าจ้างทนายความเข้าต่อสู้คดีกับจำเลยทั้งสามในเหตุที่จำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของโจทก์ไม่ให้เสียไป จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงจากการที่จำเลยทั้งสามกระทำการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าอาวาสวัดจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นไวยาวัจการและเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 เดิมจำเลยที่ 1 เคยฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจำเลย ขอให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน ขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง และจำเลยทั้งสามทราบดีอยู่แล้ว ต่อมาจำเลยทั้งสามยังฟ้องโจทก์เป็นจำเลยอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเป็นฟ้องซ้ำ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริงยังวัดต่างๆ ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังจากบุคคลทั่วไป ต้องเสียค่าจ้างทนายความสู้คดี รวม 100,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหาย 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามฟ้องโจทก์โดยสุจริต เนื่องจากจำเลยที่ 2 ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินแต่โจทก์คัดค้านแนวเขต และจำเลยทั้งสามเชื่อว่าที่พิพาทในคดีหลังเป็นที่ธรณีสงฆ์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามเฉพาะประเด็นที่ว่าค่าทนายความเป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อเดียวว่า ค่าทนายความเป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุหรือไม่ เห็นว่า ในคดีก่อนที่จำเลยทั้งสามฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน ขับไล่และเรียกค่าเสียหายศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง แต่จำเลยทั้งสามกลับนำคดีมาฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน และแบ่งแยกโฉนดที่ดินในส่วนที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเป็นของตนอีกซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันและคดีถึงที่สุดไปแล้ว ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าจำเลยทั้งสามไม่มีสิทธินำประเด็นที่ถึงที่สุดดังกล่าวมาฟ้องโจทก์แล้ว การที่จำเลยทั้งสามยังมาฟ้องโจทก์ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอันถึงที่สุดไปแล้วนั้นมาฟ้องโจทก์อีกอันเป็นการฟ้องซ้ำจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อสู้คดีปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของตนจากการกระทำอันไม่สุจริตของจำเลยทั้งสามดังกล่าวจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ และค่าว่าจ้างทนายความเข้าต่อสู้คดีกับจำเลยทั้งสามในเหตุที่จำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของโจทก์ไม่ให้เสียไป จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงจากการที่จำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าว่าจ้างทนายความให้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share