คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6702/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท และขอให้บังคับจำเลยกับบริวารออกไปจากบ้านพิพาท ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันได้ โดยโจทก์ยอมขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่จำเลย หากจำเลยผิดนัดให้ถือว่าจำเลย ไม่ติดใจซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากโจทก์ และยอมขนย้ายบริวาร และทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านพิพาทภายในกำหนดระยะเวลา ที่ตกลงกัน และศาลชั้นต้นได้พิพากษาไปตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติตาม สัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จึงขอให้บังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่า ไม่ใช่บริวารจำเลยแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายใน 8 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นบริวารของจำเลย ดังนี้ เมื่อครบกำหนด เวลาดังกล่าว การที่ผู้ร้องยังอาศัยอยู่ในบ้านพิพาท จึงถือว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องไม่ได้ถูกฟ้อง และเป็นคู่ความในคดีนี้ด้วยก็ตาม โจทก์ย่อมขอบังคับคดีแก่ ผู้ร้องได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและบ้านพิพาทที่โจทก์ให้จำเลยและบริวารอาศัยอยู่ จำเลยให้การต่อสู้คดีกรรมสิทธิ์ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่จำเลย หากจำเลยผิดนัดให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากโจทก์ และยอมขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านพิพาทภายในวันที่ 3 มีนาคม 2540ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความคดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนั้นจำเลยผิดนัดและมิได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านพิพาท โจทก์จึงขอหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยกับผู้ร้องซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลย
จำเลยและผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับจำเลย ส่วนผู้ร้องนั้นมิได้แสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายใน 8 วัน ตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี ถือว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาท จึงไม่เพิกถอนหมายจับ
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ผู้ร้องมิใช่คู่ความในคดีนี้และไม่เคยถูกโจทก์ฟ้องในคดีนี้ จึงไม่อาจนำสัญญาประนีประนอมยอมความมาใช้บังคับแก่ผู้ร้องได้นั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทและขอให้บังคับจำเลยกับบริวารออกไปจากบ้านพิพาท ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันได้โดยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นได้พิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งระบุไว้ว่าหากจำเลยผิดนัด จำเลยและบริวารยอมออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารจำเลยแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายใน 8 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นบริวารของจำเลยเมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์แถลงว่าจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยยังคงอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทและไม่ได้แสดงอำนาจพิเศษต่อศาลแต่อย่างใด ดังนั้น การที่ผู้ร้องยังอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทจึงถือว่าอยู่ในฐานะบริวารของจำเลย แม้ผู้ร้องไม่ได้ถูกฟ้องและเป็นคู่ความในคดีนี้ โจทก์ย่อมขอบังคับคดีแก่ผู้ร้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา
พิพากษายืน

Share