คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้วัตถุซึ่งห่อด้วยกระดาษขนาดโตเท่าหัวแม่เท้า ยาวประมาณ 1 แขน ตีผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ แม้จำเลยตีเพียงครั้งเดียวแต่จำเลยก็ตีโดยแรงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมงต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ท่อนวัตถุของแข็งเป็นอาวุธตีประทุษร้ายนายหนูรินทร์หรือรินหรือหนูนินทร์หรือนิล ด้วงนุ่น ถูกบริเวณศีรษะโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุให้นายหนูรินทร์ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289
จำเลยให้การว่า ใช้ท่อนวัตถุของแข็งตีผู้ตายจริง แต่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(4) ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสอง ลงโทษจำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งคู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้ว่า เมื่อวันที่15 กรกฎาคม 2528 เวลาประมาณ 14 นาฬิกา นายหนูรินทร์ ด้วงนุ่นผู้ตาย โต้เถียงกับจำเลยที่บ้านนางจริงมารดาจำเลยซึ่งอยู่ห่างบ้านนายเขียน หนูรอด ประมาณ 1 เส้น ต่อมาผู้ตายมานั่งคุยกับนายเขียนที่ม้านั่งใต้ถุนบ้านนายเขียน คุยกันอยู่ได้ประมาณ 2-3 นาที จำเลยเดินมานั่งข้างผู้ตาย จำเลยนั่งอยู่ได้ประมาณ 5 นาที ก็ใช้ของแข็งห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์โตขนาดหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขนตีผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวา 1 ที แล้วจำเลยวิ่งหนี ผู้ตายลุกขึ้นวิ่งไปเอาจอบที่หลังบ้านนายเขียนไล่ตามจำเลยแต่ตามไม่ทัน นายเขียนซึ่งตามผู้ตายไปพยุงผู้ตายจากทางหลังบ้านกลับมาที่หน้าบ้าน แล้วพาผู้ตายไปส่งบ้าน ไปได้ประมาณ 1 เส้น มีผู้จัดหารถนำผู้ตายส่งโรงพยาบาลท่าศาลา ครั้นเวลาประมาณ 15 ถึง 16 นาฬิกา ผู้ตายก็ถึงแก่ความตาย ผู้ตายมีบาดแผลบวมที่ข้างหูขวาและมีโลหิตไหลออกทางหูขวาปรากฏบาดแผลตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่ ส่วนข้อที่ว่าจำเลยกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่นั้น ตามพฤติการณ์เห็นได้ชัดว่าจำเลยกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนทั้งเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยก็มิได้ฎีกาโต้แย้งในข้อนี้ จึงฟังเป็นยุติได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน สำหรับปัญหาตามฎีกาของโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าวัตถุที่จำเลยใช้ตีผู้ตายมีขนาดโตเท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขน การที่จำเลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อวัตถุดังกล่าวไว้นั้น เห็นได้ว่า วัตถุดังกล่าวสามารถใช้เป็นอาวุธร้ายแรงได้ จำเลยจึงได้ห่อไว้เพื่อไม่ให้ผู้ตายสังเกตเห็นและเตรียมป้องกันตัวได้ การที่จำเลยใช้วัตถุดังกล่าวเป็นอาวุธตีผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายภายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมงต่อมา แม้จำเลยตีผู้ตายเพียงครั้งเดียว ก็เห็นได้ว่าจำเลยตีอย่างแรง ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย เพราะอย่างน้อยจำเลยก็ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share