คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้แจ้งความนำจับของกลาง และการจับกุมดังกล่าวเป็นผลสำเร็จก็เนื่องจากการแจ้งความของโจทก์ อันเข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบของกรมศุลกากรจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล พ.ศ. 2517 ที่จำเลยจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ แม้โจทก์เป็นลูกจ้างของเจ้าของของกลางและรู้เห็นในการกระทำผิดนั้นก็มิได้เป็นข้อห้ามหรือข้อยกเว้นตามระเบียบดังกล่าวที่จำเลยจะยกขึ้นเป็นเหตุเพื่อปฏิเสธการจ่ายเงินสินบนนำจับในกรณีนี้ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินสินบนตามระเบียบดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลพ.ศ. 2517 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 102 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินสินบนนำจับไว้ตามข้อ 4,5 และให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรในการจ่ายเงินสินบนไว้ในข้อ 10 ว่า ในกรณีที่เห็นสมควรอธิบดีกรมศุลกากรจะรอการจ่ายเงินสินบนและรางวัลทั้งหมดหรือบางส่วนไว้พลางก่อนก็ได้ เมื่อการขายของกลางรายนี้มีกรณีพิพาทและมีการฟ้องกรมศุลกากรเป็นจำเลย คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เห็นได้ว่าเงินค่าขายของกลางมีปัญหาที่ยังไม่ยุติไม่แน่ว่าคดีดังกล่าวกรมศุลกากรจะแพ้หรือชนะ ทั้งการจ่ายเงินสินบนตามกฎหมายและระเบียบของจำเลยจะต้องจ่ายจากเงินของกลางนั้นเอง ดังนี้ ที่จำเลยยังไม่จ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมีเหตุอันสมควรซึ่งอาจยกขึ้นอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของจำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้จ่ายเงินสินบน.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสินบนนำจับให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แจ้งความนำจับในอัตราร้อยละ 30 ของเงินค่าขายไม้ของกลางเป็นเงิน3,000,000 บาท แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการจ่ายเงินสินบนนำจับตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลนั้น เป็นอำนาจของอธิบดีกรมศุลกากรโดยเฉพาะซึ่งอาจจะให้รอการจ่ายเงินสินบนและรางวัลทั้งหมดหรือบางส่วนไว้พลางก่อนก็ได้ ทั้งไม้ของกลางมีกรณีพิพาทและมีการฟ้องกรมศุลกากรเป็นจำเลย คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 3,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2525 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ปัญหาประการแรกที่ว่า โจทก์เป็นผู้แจ้งความนำจับมีสิทธิได้รับเงินสินบนนำจับหรือไม่นั้นข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าโจทก์เป็นผู้แจ้งความนำจับไม้ซุงสักของกลางรายนี้จริง และการจับกุมดังกล่าวเป็นผลสำเร็จก็เนื่องมาจากการแจ้งความของโจทก์ อันเข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล พ.ศ. 2517ที่จำเลยจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ ที่จำเลยยกเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินสินบนเพราะโจทก์เป็นลูกจ้างของเจ้าของไม้และรู้เห็นในการกระทำผิดนั้น เห็นว่าเหตุผลที่อ้างมิได้เป็นข้อห้ามหรือข้อยกเว้นตามระเบียบดังกล่าวที่จำเลยจะยกขึ้นเป็นเหตุเพื่อปฏิเสธการจ่ายเงินสินบนนำจับในกรณีเช่นนี้ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินสินบนตามระเบียบดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ปัญหาต่อไปมีว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินสินบนนำจับจากจำเลยได้หรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล พ.ศ. 2517 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 102 ตรี แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินสินบนนำจับไว้ตามข้อ 4 ข้อ 5 และให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรในการจ่ายเงินสินบนไว้ในข้อ 10 ว่าในกรณีที่เห็นสมควร อธิบดีกรมศุลกากรจะรอการจ่ายเงินสินบนและรางวัลทั้งหมดหรือบางส่วน ไว้พลางก่อนก็ได้ ปัญหาจึงมีว่า การที่อธิบดีกรมศุลกากรให้รอการจ่ายเงินสินบนกรณีของโจทก์เป็นการสมควรหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในการขายไม้ซุงสักของกลางรายนี้ บริษัทกรุงเทพมหานครไทยเจริญ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ซื้อไม้ของกลางยังชำระราคาไม้ไม่ครบขาดอยู่อีก 1 งวด เป็นเงิน 5,000,000 บาท และมีกรณีพิพาทเกี่ยวกับไม้ของกลางระหว่างบริษัทกรุงเทพมหานครไทยเจริญ จำกัด ผู้ซื้อกับบริษัทส่งเสริมเกษตรไทย จำกัด ผู้ชำระเงินค่าไม้ของกลาง ทั้งบริษัทส่งเสริมเกษตรไทย จำกัด ยังได้ฟ้องกรมศุลกากรเป็นจำเลยเรียกให้ส่งไม้ของกลาง 2 งวด ที่ได้ชำระราคาไปแล้วหรือมิฉะนั้นก็ให้กรมศุลกากรคืนเงินค่าไม้ที่ได้ชำระไปแล้ว 10,000,000 บาท แก่บริษัทส่งเสริมเกษตรไทย จำกัดด้วย คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเงินค่าขายไม้ของกลางในคดีนี้มีปัญหาที่ยังไม่ยุติไม่แน่าว่าคดีดังกล่าวกรมศุลกากรจะแพ้หรือชนะ ทั้งการจ่ายเงินสินบนตามกฎหมายและระเบียบของจำเลยจะต้องจ่ายจากเงินของกลางนั้นเอง ฉะนั้นที่จำเลยยังไม่จ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมีเหตุอันสมควรซึ่งอาจยกขึ้นอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของจำเลยโจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้จ่ายเงินสินบน…’
พิพากษายืน.

Share