คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือแล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000-4,000 บาท ผู้เสียหายจะให้เพียง 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 337 ประกอบด้วยมาตรา 80

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นพลตำรวจสมัครประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด บังอาจประดับเครื่องหมายยศสิบตำรวจโทเพื่อให้บุคคลเชื่อว่าตนมีสิทธิใช้ยศสิบตำรวจโท และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานบังอาจใช้ตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจนายมงคล นางสิวสี สามีภริยาซึ่งเป็นเจ้าของโรงค้าไม้ โดยเรียกเงินจากบุคคลทั้งสอง 3,000 บาท แสดงท่าทางขู่เข็ญและพูดทำนองข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียงและทรัพย์สินของบุคคลทั้งสอง แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะบุคคลทั้งสองยังมิได้มอบเงินให้จำเลย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยเสียก่อน เหตุเกิดที่ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146, 148, 337, 80 พระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146, 148, 337, 80 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ. 2502 มาตรา 4 ลงโทษตามมาตรา 146 จำคุก 6 เดือน ลงโทษตามมาตรา 148 จำคุก 5 ปี ลงโทษตามมาตรา 337 ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 6 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146 จำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 337, 80 ด้วย

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยซึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจไปที่ร้านค้าของนายมงคล พูดขอเงิน นางมงคลปฏิเสธว่าไม่มี นางสิวลีเดินมาจากหลังบ้านสอบถามได้ความจากนายมงคลว่าจำเลยมาขอเงิน จำเลยพูดว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา นางสิวลีคงปฏิเสธว่าไม่มีเงิน จำเลยก็ว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ แล้วตามนายมงคลไปที่กองไม้ จำเลยดูกองไม้สักครู่ก็ออกจากร้านไปหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาพูดกับนางสิวลีว่ารองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีให้มาเอาเงิน 3,000 – 4,000 บาท นางสิวลีจะให้เพียง 100 บาท จำเลยบอกว่าไม่พอแล้วจำเลยคงนั่งอยู่ในร้านไม่ยอมออกไป นางสิวลีจึงไปบอกกำนัน ต่อมากำนันและตำรวจมาเชิญตัวจำเลยไปสถานีตำรวจ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั่วราชอาณาจักรก็ตาม แต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมนายมงคลและนางสิวลีในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจนั้นข่มขืนใจให้นายมงคลและนางสิวลีมอบเงินให้แก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากนายมงคลและนางสิวลีก็โดยอ้างว่าผู้ใหญ่และอ้างชื่อรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีให้มาเอาเงิน จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของนายมงคลและนางสิวลี หรือของบุคคลที่สาม ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของนายมงคลหรือนางสิวลี การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 337 ประกอบด้วยมาตรา 80

พิพากษายืน

Share