แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ประมาทชนท้ายรถจักรยานสามล้อที่โจทก์โดยสารมา เป็นเหตุให้โจทก์บาดเจ็บ ขอให้ใช้ค่าเสียหายนั้น แม้ผู้ขับขี่รถจักรยานสามล้อนั้นจะประมาทด้วยก็ตาม หากโจทก์เป็นเพียงผู้โดยสาร ไม่มีส่วนต้องรับผิดร่วมกับผู้ขับขี่รถจักรยานสามล้อแต่อย่างใดแล้ว จำเลยก็จะขอให้ศาลเรียกผู้ขับขี่รถจักรยานสามล้อเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยหาได้ไม่ เพราะไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ขณะเมาสุราโดยความประมาท ชนท้ายรถจักรยานสามล้อซึ่งนายอำนวยขับขี่เป็นเหตุให้นางสาวถนอมบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย ๒๑,๘๑๒ บาท
จำเลยให้การว่า ไม่ได้เมาสุราและไม่ประมาท ความจริงนายอำนวยเป็นผู้ประมาทโดยใช้รถไม่มีทะเบียน ไม่มีใบขับขี่ ไม่จุดโคมไฟ บรรดาผู้โดยสารเกินอัตราจนยางรถจักรยานยนต์แตกหยุดอยู่เกือบกึ่งกลางถนน แล้วนายอำนวยนางสาวถนอมไม่ช่วยกันเข็นแอบเข้าริมขอบถนนเป็นความประมาท พอดีมีรถบรรทุกสวนทางมาเปิดไฟใหญ่ ทำให้จำเลยตราพร่า เห็นจักรยานสามล้อในระยะกระชั้นชิดห้ามล้อไม่ทันจึงชนเอา เป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยเสียหาย ๒,๕๘๘ บาท นายอำนวยมีส่วนได้เสียร่วมกับโจทก์ ขอให้ศาลเรียกนายอำนวยเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๓) และฟ้องแย้งให้โจทก์กับนายอำนวยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งนั้นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม และนายอำนวยมิได้เป็นโจทก์ร่วม จึงไม่รับฟ้องแย้ง กับให้ยกคำร้องที่ขอให้เรียกนายอำนวยเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ การฟ้องแย้งจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่ตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่กล่าวหาพาดพิงถึงนางสาวถนอมว่าประมาทด้วยก็เพียงว่าไม่ช่วยกันเข็นรถสามล้อที่ยางแตกแอบริมถนนเท่านั้น ได้พิเคราะห์แล้ว นางสาวถนอมเป็นเพียงผู้โดยสารมาในรถสามล้อ ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องช่วยเข็นรถสามล้อเข้าแอบไว้ริมถนนดัรงจำเลยอ้าง ฉะนั้น การที่รถเกิดชนกันขึ้น หากแม้จะเป็นเพราะรถสามล้อหยุดอยู่กลางถนน ก็ไม่ใช่เพราะความประมาทของนางสาวถนอม ในอันที่จะต้องรับผิดด้วย นอกจากนี้ล้วนแต่เป็นข้อกล่าวหาว่านายอำนวยเป็นผู้ประมาททั้งสิ้น เป็นฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับคนนอกซึ่งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ฟ้องแย้งไม่ได้ หากจำเลยยังติดใจที่จะเรียกร้อง ก็ชอบที่จะฟ้องนายอำนวยเป็นคดีต่างหาก เพราะโจทก์กับนายอำนวยไม่มีส่วนได้เสียหรือความรับผิดร่วมกัน การที่จำเลยร้องขอให้เรียกนายอำนวยเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม เป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางหลีกเลียงการฟ้องร้องนายอำนวยมากกว่า คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๖๓/๒๕๐๓ ที่จำเลยอ้างมานั้น ปรากฏว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันที่ถูกชน
และจำเลยต่อสู้ว่าคนขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ประมาททำให้จำเลยเสียหาย จึงฟ้องแย้งโดยขอให้เรียกคนขับรถเข้ามาเป็นคู่ความร่วมกับโจทก์ได้ เพราะโจทก์อาจต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่หากคนขับรถจ้างของโจทก์ประมาทจริง แต่คดีนี้โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถสามล้ออันเป็นรถรับจ้างคันที่ถูกชน โจทก์ไม่ใช่นายจ้างของนายอำนวยหากแต่เป็นผู้โดยสารเท่านั้น แม้จะฟังว่านายอำนวยผู้ขับขี่รถสามล้อประมาททำให้จำเลยเสียหาย โจทก์ก็ไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย รูปคดีไม่เหมือนกัน ศาลอุทธรณ์ไม่รับฟ้องแย้ง และให้ยกคำร้องชอบแล้ว
พิพากษายืน