แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บาดแผลสาหัสถูกทำร้าย 11 แห่งต้องรักษาบาดแผล 15 วันนับแต่วันถูกทำร้ายแล้ว 1 เดือนแผลก็ยังไม่หาย ทำการเลี้ยงชีพไม่ได้ตามปกติยืนก็สั่นแลเสียวไปทั้งตัว นับว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ข้อ 8 วิวาท ในการวิวาทเมื่อปรากฎว่าใครเป็นผู้ลงมือทำร้ายแล้วก็ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้ พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ พ.ศ.2461 ม.3 แก้ไขเล็กน้อย ศาลเดิมลงโทษตาม ม.258 ให้จำคุก 1 เดือนศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษตาม ม.256 ให้จำคุก 2 ปีเป็นแก้ไขให้จำคุก 2 ปีเป็นแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาไม่ได้ ข้อเท็จจริง การเถียงลักษณของแผลที่ศาลชี้ขาดมานั้นเป็นการเถียงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย+การวิวาทปรากฎว่าใครเป็นทำร้ายแล้วควรวางโทษ+ทำร้ายร่างกายหรือฐานวิวาทนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ย่อยาว
ได้ความว่า นายเจ๊กผู้บาดเจ็บกับจำเลยทั้ง ๒ วิวาทกัน แต่ได้ความขัดว่าจำเลยทั้ง ๒ ได้ช่วยกันฟันและแทงนายเจ๊กมีบาดเจ็บ ๑๑ แห่ง ที่สำคัญถูกที่กลางกระหม่อมกะดูกขาดทะลุใน นอกนั้นถูกตามแขนและขา นายเจ๊กต้องรักษาบาดแผล อยู่ ๑๕ วัน เมื่อมาเป็นพะยานที่ศาลภายหลังเกิดเหตุ ๑ เดือนแผลยังไม่หายทำการหาเลี้ยงชีพไม่ได้ตามปกติ ยืนก็สั่นและเสียวไปทั้งตัว ส่วนจำเลยทั้ง ๒ ไม่มีบาดเจ็บ
ศาลเดิมพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๕๘ คนละ ๑ เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๕๖ ข้อ ๘ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี
จำเลยฎีกาเถียงว่านายเจ๊กต้องนอนอยู่เพียง ๑๕ วันเท่านั้น แผลเช่นนี้ไม่เรียกว่าแผลสาหัส และว่าควรลงโทษตามศาลเดิม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์แก้ศาลล่างเล็กน้อยจำคุกเพียง ๒ ปีและตามฎีกาข้อแรกของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเพราะจำเลยกล่าวข้อเท็จจริงแต่ฉะเพาะบางตอนผิดจากที่ศาลอุทธรณ์ได้อาศัยวินิจฉัยบาดแผล จึงเป็นการเถียงข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้ ส่วนข้อที่ว่าควรลงโทษตามม.๒๕๖ หรือ ม.๒๕๘ นั้นคดีนี้ได้ความชัดว่าจำเลยทั้ง ๒ ช่วยกันทำร้ายร่างกายนายเจ๊กสาหัสก็ต้องลงโทษตาม ม.๒๕๖ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์