แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่มีโทษปรับเกินกว่าสองพันบาทเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงด้วยวาจาหากศาลจะวางโทษและลดโทษแล้วเหลือโทษปรับไม่ถึงสองพันบาท ศาลแขวงย่อมมีอำนาจพิพากษาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาว่าจำเลยบังอาจขนสุราจำนวน 480 ขวดปริมาณน้ำสุรา 360 ลิตร โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขนสุราจากเจ้าพนักงานขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 14, 38, 45 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2497 มาตรา 8 ให้ริบของกลาง
จำเลยรับสารภาพ
ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาว่า จำเลยมีผิดตามฟ้อง ให้ปรับจำเลย400 บาท ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงปรับ 200 บาท ไม่ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยจะต้องถูกปรับตามปริมาณน้ำสุราที่ทำการขนลิตรละ 1 บาท เป็นเงิน 3,600 บาท เกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิพากษาได้และผู้ว่าคดีจะฟ้องจำเลยด้วยวาจาหาได้ไม่ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า ควรฟ้องคดีนี้ด้วยวาจาได้ ถ้าศาลแขวงพิพากษาไม่ได้ ก็ควรยกคำพิพากษาศาลแขวงเสีย แล้วพิพากษาใหม่ ไม่ควรยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯ มาตรา 28 และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22 คดีมีโทษปรับเกินกว่าสองพันบาทบางเรื่องศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาได้ แต่ศาลแขวงจะต้องไคร่ครวญว่าในที่สุดจะต้องลงโทษเท่าใด ฉะนั้น เรื่องนี้ถ้าศาลแขวงลงโทษปรับตามกฎหมาย คือปรับ 3,600 บาท ลดแล้วคงปรับ 1,800 บาท ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิพากษาได้ โจทก์จึงฟ้องด้วยวาจาได้
พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 14, 38 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497มาตรา 8 ให้วางโทษปรับจำเลย 3,600 บาท ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงปรับ1,800 บาท