คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2465

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ล้มละลาย คำสั่งให้พ้นคดี อายุความ พระราชบัญญัติล้มละลาย ร.ศ.127

ย่อยาว

ผู้ใดต้องคำสั่งศาลให้เปนคนล้มละลายตามพระราชบัญญัติลักษณล้มละลาย ร.ศ. ๑๒๗ แลศาลได้มีคำสั่งให้คดีของผู้นั้นถึงที่สุด โดยมิได้มีข้อไข แต่ประการใด เช่นนี้ ผู้นั้นจะมาขอความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ร.ศ. ๑๓๐ มิให้ต้องรับผิดชอบใน-ณี่สินซึ่งเจ้าณี่ได้รับไปยังไม่ครบจำนวนนั้นมิได้
เดิมโจทย์ฝากเงินไว้ในธนาคารจำเลย กำหนดถอนคืนในวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ (ร.ศ. ๑๒๙ ) ครั้นครบกำหนดโจทย์หาถอนเงินไม่ต่อมาวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ (ร.ศ.๑๓๐) ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ธนาคารแลจำเลยเป็นคนล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ร.ศ. ๑๒๗ โจทย์ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยณี่ ได้รับเงินเฉลี่ยครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ในวันนั้นเอง ศาลได้มีคำสั่งให้คดีจำเลยเป็นอันถึงที่สุด วันที่ ๒๔ มีนาคม โจทย์จึงยื่นฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินที่ยังเป็นณี่ค้างอยู่อีก จำเลยตัดฟ้องว่าคดีโจทย์ขาดอายุความ (คือขอให้นับแต่วันที่ครบกำหนดถอนเงินคือวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ )
ศาลแพ่งเห็นว่าไม่ขาดอายุความ โดยตั้งต้นนับอายุความตั้งแต่วันคดีล้มละลายเป็นที่สุด คือวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๙
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่ขาดอายุความเหมือนกัน แต่มีความเห็นแตกต่างไปว่า ควรนับตั้งต้นแต่วันที่ศาลสั่งให้จำเลยล้มละลายคือวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อตัดฟ้องของจำเลยฟังไม่ได้ ด้วยเหตุว่าจำเลยไม่ได้ทำผิดสัญญาอย่างหนึ่งอย่างใดเลย แลในระหว่างนั้นยังไม่ได้ มีการพิจารณาถึงเรื่องจำนวนเงินที่โจทย์ฝาก อีกประการหนึ่งการนับกำหนดอายุความเรื่องณี่สินนั้นอาจเลื่อนกำหนดนับได้ เมื่อลูกณี่ได้ทำการผ่อนใช้ต้นเงิน ฤาส่งดอกเบี้ยแก่เจ้าณี่ ตามฎีกาที่ ๑๔๗๐/๒๔๕๕ แต่อย่างไรก็ดีเฉภาะคดีนี้ ถ้าจะตั้งต้นนับอายุความ ตั้งแต่วันที่ศาลสั่งให้จำเลยล้มละลายฤาวันที่คดีล้มละลายของจำเลยเปนที่สุดก็ดี คดีของโจทย์ก็ยังไม่เกิน ๑๐ ปี โจทย์มีอำนาจฟ้องได้

Share