คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6605/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 ให้โจทก์และโจทก์ร่วมซึ่งมีฐานะเป็นจำเลยสำหรับฟ้องแย้งของจำเลย มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำเลยในฐานะโจทก์ฟ้องแย้งวางเงินต่อศาล หรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายได้
จำเลยถูกพิทักทรัพย์เด็ดขาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ใช้ดุลพินิจเข้าว่าคดีของจำเลยต่อไปตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 25 แล้ว กองทรัพย์สินของจำเลยที่ตกอยู่ในอำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีย่อมต้องผูกพันในค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามคำพิพากษา เนื่องจากคดียังไม่เป็นที่ยุติว่าจำเลยจะต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังกล่าวหรือไม่ เพียงใด ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งตามคำร้องของโจทก์และโจทก์ร่วมให้จำเลยในฐานะโจทก์ฟ้องแย้งวางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย เป็นการสั่งให้กองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายเป็นผู้วาง ไม่ใช่กระบวนพิจารณาชั้นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 93

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อจำเลย โดยไม่ใช้คำว่า “KLOSTER” และ/หรือ “คลอสเตอร์” เป็นชื่อหรือส่วนหนึ่งของจำเลยอีกต่อไป หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ห้ามจำเลยใช้ ยื่นจดทะเบียน หรือเกี่ยวข้องใดๆ กับชื่อทางการค้า และ/หรือเครื่องหมายการค้า “KLOSTER” และ/หรือ “คลอสเตอร์” ของโจทก์อีกต่อไป จำเลยให้การและฟ้องแย้งและยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทไพร้ซ์ วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส คอร์ปอเรท รีสตรัคเจอร์ริ่ง จำกัด กับธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) เข้าเป็นโจทก์ร่วมที่ 1 และโจทก์ร่วมที่ 2 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาตให้เรียกเฉพาะ บริษัทไพร้ซ์ วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส คอร์ปอเรท รีสตรัคเจอร์ริ่ง จำกัด เข้าเป็นโจทก์ที่ 1 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิพากษาแก้เป็นว่า ให้หมายเรียกธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ตามคำร้อง ระหว่างการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนจำเลย ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต ต่อมาโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำเลยในฐานะโจทก์ฟ้องแย้งวางเงินต่อศาล หรือประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้จำเลยวางเงินประกันต่อศาล จำนวน 500,000 บาท ภายในระยะเวลา 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่าคำร้องของโจทก์ และโจทก์ร่วมทั้งสองฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ขัดแย้งกับพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 93 หรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ในทำนองว่า โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 93 เพราะบทกฎหมายดังกล่าวเปิดช่องให้โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองสามารถได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในส่วนของค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว เห็นว่า คำร้องของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ดังกล่าวเป็นคำร้องเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ซึ่งตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 ให้โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ซึ่งมีฐานะเป็นจำเลยสำหรับฟ้องแย้งของจำเลย มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำเลยในฐานะโจทก์ฟ้องแย้งวางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายได้โดยวิธีการดังกล่าวเป็นมาตรการทางแพ่งที่จะให้ความคุ้มครองโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งมีฐานะเป็นจำเลยสำหรับฟ้องแย้งของจำเลยชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเท่านั้น และคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ใช้ดุลพินิจเข้าว่าคดีของจำเลยต่อไปตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 25 แล้ว กองทรัพย์สินของจำเลยที่ตกอยู่ในอำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีย่อมต้องผูกพันในค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามคำพิพากษา เนื่องจากคดียังไม่เป็นที่ยุติว่าจำเลยจะต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังกล่าวหรือไม่ เพียงใด ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งตามคำร้องของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองให้จำเลยในฐานะโจทก์ฟ้องแย้งวางเงินต่อศาล หรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย เป็นการสั่งให้กองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายเป็นผู้วาง ไม่ใช่กระบวนพิจารณาชั้นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายดังอุทธรณ์จำเลยแต่อย่างใด อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share