คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยจะใช้อาวุธปืนจะยิงผู้เสียหาย ผู้เสียหายกระโดดจากบ้านล้มลงมีบาดแผล ถือเป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2532เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม ต่างกันคือจำเลยได้มีอาวุธปืนพกขนาด .38 หมายเลขทะเบียน กท.452852 และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด ของผู้มีชื่อ ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่และอาวุธปืนลูกซองยาว ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับจำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 1 นัด ไว้ในครอบครองของจำเลย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และจำเลยด้วยเจตนาทำร้ายนางศิริลักษณ์หิรัญสุรงค์ ผู้เสียหาย ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวดังกล่าว เป็นเครื่องมือด้วยการทำทีท่าจะยิงทำร้ายผู้เสียหาย ขณะผู้เสียหายยืนอยู่บนพื้นบ้านสูงกว่าระดับพื้นดิน 1.50 เมตร เป็นเหตุให้ผู้เสียหายต้องถอยหนี จนพลัดตกลงจากพื้นบ้านได้รับอันตรายแก่กายกระดูกสะบ้าหัวเข่าขวาแตก ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน เป็นอันตรายสาหัสซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย ซึ่งจำเลยได้เล็งเห็นผลจากการกระทำดังกล่าวแล้ว เหตุเกิดที่ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ตามวันเวลาดังกล่าว เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนพก 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38จำนวน 5 นัด และกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 1 นัด ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ข้อ 3, 6ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 91, 32 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และให้ริบกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 1 นัด ส่วนอาวุธปืนพกขนาด .38หมายเลขทะเบียน กท.452852 และกระสุนขนาด .38 จำนวน 5 นัดคืนแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ข้อ 3, 6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 391 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4เรียงกระทงลงโทษ จำเลยอายุกว่า 14 ปี แต่ไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ฐานมีอาวุธปืนพกและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปีฐานมีเครื่องกระสุนปืน (กระสุนปืนลูกซอง) จำคุก 15 วัน ฐานทำร้ายร่างกายจำคุก 15 วัน รวมจำคุกมีกำหนด 1 ปี 1 เดือน กระสุนปืนขนาด 12 ของกลางให้ริบ อาวุธปืนพกขนาด .38 พร้อมกระสุนปืนของกลางให้คืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง กระสุนปืนขนาด 12 ของกลางให้ริบ อาวุธปืนพกขนาด .38 พร้อมกระสุนปืนของกลางให้คืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…สำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกายนั้นผู้เสียหายเด็กชายก้องและนายสุนทร เบิกความยืนยันต้องกันว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านล้มลง มีบาดแผลถลอกที่หัวเข่าปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง พยานโจทก์ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่มีเหตุระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้มั่นคงตามที่พยานโจทก์เบิกความซึ่งการที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของจำเลย ที่จำเลยนำสืบพัวพันเข้ามาว่าอาวุธปืนของกลาง ผู้เสียหายพกมาและทำตกอยู่ที่บันได ระหว่างที่รอจะนำไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้านก็ถูกจับกุมเสียก่อน และว่าขณะที่ผู้เสียหายด่าว่าจำเลย ผู้เสียหายได้เอามือล้วงกระเป๋าเอาวัตถุสีดำคล้ายอาวุธปืนมาถือไว้ จำเลยจึงเอาไม้ไผ่ยาวประมาณ1 วา เงื้อจะตีผู้เสียหาย ผู้เสียหายกลัวได้วิ่งหนีไป ไม่เห็นผู้เสียหายตกจากบ้านได้รับบาดเจ็บ และจำเลยถูกขู่เข็ญกับถูกทำร้ายให้ลงชื่อในบันทึกการจับกุมโดยไม่ได้อ่านข้อความนั้น ล้วนเป็นพิรุธและขัดต่อเหตุผล จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและมีกระสุนปืนในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต กับมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสองและวรรคสาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสาม จำคุก8 เดือน ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสองจำคุก 15 วัน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุก 15 วันรวมจำคุก 9 เดือน คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ริบกระสุนปืนลูกซองของกลาง ส่วนอาวุธปืนพกและกระสุนปืนของกลางให้คืนแก่เจ้าของคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share