คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเตะผู้เสียหาย 2 ที แล้วตบ 2 ที ผู้เสียหายล้มลงในนาซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 1 ศอก จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำประมาณ 1 อึดใจ มีคนอื่นมาช่วยแยกคนทั้งสองออกจากกัน และดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ต่อมาประมาณ 1 นาทีจึงรู้สึกตัวถ้าไม่ดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายก็คงตาย แต่ได้ความว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน เหตุเกิดขึ้นเนื่องจากได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับจ้างทำนา การตบเตะและกดศีรษะลงในน้ำเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน การกดน้ำเป็นการกระทำต่อเนื่องจากการตบเตะ และจำเลยมีมีดอยู่ก็มิได้ใช้มีดทำร้าย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจเตะทำร้ายร่างกายนางซิว บัวพ่วงผู้เสียหาย ที่บริเวณตะโพก 1 ที ผู้เสียหายล้มลง จำเลยใช้มือทั้งสองกดศีรษะและคอผู้เสียหายให้จมลงในน้ำเพื่อให้หายใจไม่ออกและให้ตาย ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาฆ่า แต่ไม่บรรลุผล เพราะมีผู้เข้ามากระชากมือจำเลยให้หลุดจากศีรษะผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่ตาย เพียงแต่สลบไปประมาณ 1 นาที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายร่างกายมิได้มีเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้จำคุก 2 เดือน

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก 10 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเตะผู้เสียหาย 2 ที แล้วตบ 2 ที ผู้เสียหายล้มลงไปในนาซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 1 ศอก จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำประมาณ 1 อึดใจ นางสาวทวายกับพวกที่มาดำนาได้ช่วยกันแยกคนทั้งสองออกจากกัน เมื่อนางสาวทวายดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ต่อมาประมาณ 1 นาทีจึงรู้สึกตัว ถ้านางสาวทวายไม่ไปดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายก็คงตาย จากพฤติการณ์ดังคำเบิกความของนางสาวทวายนี้ เห็นได้ว่า จำเลยไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายผู้เสียหาย สาเหตุที่เกิดทำร้ายกันขึ้นก็เนื่องมาจากได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการจ้างดำนาจำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน เหตุที่เกิดตบเตะและใช้มือกดศีรษะลงในน้ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยปัจจุบัน การที่จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำ เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการตบ เตะ ของจำเลยนั้นเอง การที่จำเลยชักมีดออกจากที่สะพาย และพูดว่าประเดี๋ยวกูแทงเสียตายเลย ในขณะที่มีผู้มาห้ามแล้วเป็นการสนับสนุนให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพราะจำเลยมีมีดสะพายอยู่ ถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ก็น่าที่จำเลยจะได้ใช้มีดที่สะพายอยู่เข้าทำร้ายผู้เสียหาย แทนที่จะเตะและตบ คดียังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share