คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 654/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าโกดัง เป็นสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 538 ฉะนั้น ผู้เช่าจะขอนำสืบพยานบุคคลว่านอกจากที่ปรากฎในข้อสัญญาเช่า ที่ทำกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ยังมีข้อตกลงด้วยวาจาเพิ่มเติมต่อไปอีก รวม 4 ข้อ หาได้ไม่เพราะข้อตกลงนั้นย่อมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเอง จึงต้องห้ามตามมาตรา 44 แห่งป.ม.วิ.แพ่ง.
จำเลยผู้เช่าได้ทำสัญญาเช่าโกดังจากโจทก์ และจำเลยได้ใช้ทรัพย์ที่เช่าคือโกดังและได้ชำระค่าเช่า แก่โจทก์ตามสัญญาแล้ว จำเลยจะต่อสู้ว่าโกดังเป็นของผู้อื่น โจทก์ไม่มีสิทธิให้เช่านั้น ไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าช่วงโกดัง ๒ หลังไปจากโจทก์ คิดค่าเช่ากันเดือนละ ๕๐๐ บาท และจำเลยยอมออกค่าซ่อมแซมให้แก่โจทก์อีก ๒๒๒๐๐๐ บาท โดยผ่อนชำระเป็นรายปีละ ๆ ๔ งวด มีกำหนดการเช่ากัน ๓ ปี บัดนี้จำเลยบอกเลิกการเช่าก่อนครบกำหนด และชำระค่าซ่อมแซมฉางเพียงงวดที่ ๑ – ๒ ของปีแรกเท่านั้น จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระค่าเช่า และค่าซ่อมแซมฉางแก่โจทก์ เป็นเงิน ๔๕๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหลายประการ และว่าโกดังไม่ใช่ของโจทก์ ๆ ไม่มีอำนาจเอามาให้จำเลยเช่า ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขำระค่าเช่าและค่าซ่อมแซมเป็นเงิน ๔๕,๕๐๐ บาทตามฟ้อง กับดอกเบี้ยร้อยละ ๖ ครึ่งต่อปี ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ได้ความว่าจำเลยทำสัญญาเช่าโกดังจากโจทก์มีกำหนด ๓ ปี กำหนดค่าเช่ากันไว้เป็นรายเดือน และยังให้คำมั่นสัญญาแก่โจทก์ซึ่งจำเลยจะต้องออกเงินค่าซ่อมแซมฉางข้าวให้แก่โจทก์ตามรายปีที่เช่า กำหนดจำนวนเงินและวันเดือนปีที่เช่าเป็นงวด ๆ อีกด้วย สัญญาเช่าโกดังนี้เป็นสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้นจำเลยจะขอนำพยานบุคคลมาสืบว่า นอกจากที่ปรากฎในข้อสัญญา เช่าที่ทำกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ยังมีข้อตกลงด้วยวาจาเพิ่มเติมต่อไปอีกรวม ๔ ข้อ ดังข้อต่อสู้ของจำเลยหาได้ไม่ เพราะข้อตกลงนั้นย่อมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเอง จึงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๔๔.
ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจเอาโกดังรายนี้ของบริษัทเกลือไทยมาให้จำเลยเช่าได้นั้น ปรากฎว่าจำเลยได้ใช้ทรัพย์ที่เช่าและได้ชำระค่าเช่ากับค่าซ่อมแซมฉางข้าวแก่โจทก์ตามสัญญาและคำมั่นสัญญานั้นเป็นบางส่วนไปแล้ว แสดงว่าจำเยได้ใช้ทรัพย์สินที่โจทก์ให้จำเลย+แล้วนั้นจำเลยจะเถียงว่าโจทก์ไม่มีสิทธิให้เช่านั้น ไม่ได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน.

Share