คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำบรรยายฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์นั้นได้กล่าวว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นรวมการกระทำ โดยการใช้กำลังประทุษร้ายอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่าผู้ตายตายเพราะถูกจำเลยยิงทำร้าย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 5

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุวรรณหรือเซ้ง องอาจ ผู้ตาย เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๑๗ เวลากลางวัน จำเลยมีปืนเป็นอาวุธ กับพวกรวม ๕ คน ร่วมกันปล้นเอาเงิน ๑๕ บาทของนายสุวรรณหรือเซ้ง องอาจ ไปโดยเจตนาทุจริต โดยจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงนายสุวรรณหรือเซ้งถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ การเอาทรัพย์ไป เพื่อยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือให้พ้นการจับกุม รายการชันสูตรบาดแผลผู้ตายอยู่ที่พนักงานอัยการ เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งแต้ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง สั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ จำคุก ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคท้าย ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔ ให้ประหารชีวิตจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง แต่ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเอาเงินจากผู้ตายไป ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยควรมีความผิดฐานใดนั้น วินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์นั้น ได้กล่าวว่า จำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้น รวมการกระทำโดยการใช้กำลังประทุษร้ายอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่าผู้ตายตายเพราะถูกจำเลยยิงทำร้าย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรค ๕
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ วรรคแรก ให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี

Share