คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6511/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับ ส.ช่วยกันจุดไฟเผาหญ้าตามร่องสวน แล้วดับไปทีละร่อง ต่อมาเมื่อจำเลยกลับไปแล้วไฟได้ลุกไหม้ขึ้น เมื่อได้ความว่าขณะที่จำเลยกลับไปมี ส.กับค. ช่วยกันดับไฟอยู่แล้วและการดับไฟที่เหลือไม่เกินกำลังบุคคลทั้งสอง แต่การที่ไฟเกิดลุกไหม้ขึ้นภายหลังเกิดจากความประมาทของ ส. ที่มิได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการดับไฟ ดังนี้ การจุดไฟและละเว้นไม่อยู่ช่วยดับไฟของจำเลย ยังไม่เป็นการกระทำโดยประมาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกจุดไฟเผาหญ้าในที่ดินของจำเลยและประมาทไม่ดูแลดับไฟที่จุดขึ้นให้ดับสนิทก่อน เป็นเหตุให้ไฟลุกไหม้ขึ้นอีกและลามเข้าไปในสวนผลไม้ของผู้เสียหาย เป็นเนื้อที่ 20 ไร่ค่าเสียหาย 300,000 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 225
ระหว่างการพิจารณา นายโอภาส สมสกุล ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 225 จำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยและนางสมบัติจุดไฟเผาหญ้าตามร่องต้นยางในสวนของจำเลยเพื่อจะขุดมันที่ปลูกไว้ระหว่างร่องจำเลยกับนางสมบัติค่อย ๆ จุดไล่ไปทีละร่อง แล้วดับไปทีละร่องแล้วจุดใหม่แล้วดับจนถึงร่องที่เกิดเหตุ การที่จำเลยกับนางสมบัติจุดไฟแล้วจำเลยกลับไปเสียก่อน ปล่อยให้นางสมบัติกับนางตุ้มพยานโจทก์ช่วยกันดับไฟตามลำพัง การจุดไฟและการละเว้นไม่ช่วยดับไฟของจำเลยดังกล่าวยังไม่พอฟังว่า จำเลยกระทำโดยประมาท เพราะขณะที่จำเลยกลับไป นางสมบัติกับนางตุ้มลูกจ้างก็รอดับไฟอยู่แล้วและไม่ปรากฏว่าการดับไฟที่เหลืออยู่นั้นเกินกำลังของบุคคลทั้งสองที่จะดับได้ การที่ไฟเกิดลุกไหม้ขึ้นภายหลังเกิดจากความประมาทของนางสมบัติที่มิได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการดับไฟหาใช่เกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยนั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share