คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กัญชาที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็คือกัญชาทั้งหมดที่จำเลยปลูกไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการผลิตตามกฎหมาย เป็นที่เห็นได้ว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นเป็นผลที่เกิดจากการที่จำเลยปลูกหรือผลิตกัญชานั่นเอง มิได้มีการกระทำอย่างใดอันมีลักษณะเป็นการกระทำให้ได้กัญชาดังกล่าวมาไว้ในความ ครอบครอง เพื่อจำหน่ายขึ้นอีก การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกับพวกที่หลบหนี้มีกัญชาและปลูกกัญชาจำนวน 20 ไร่ น้ำหนักกัญชา 1,600 กิโลกรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมิได้รับอนุญาต จำเลยที่ 7 ถึงจำเลยที่ 13 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 18/2523 ถึงคดีอาญาหมายเลขดำที่ 27/2523 ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26, 75, 76, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง และนับโทษต่อจำเลยที่ 7 ถึงจำเลยที่ 13

จำเลยทั้งสิบสามให้การรับสารภาพหลังจากโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสิบสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26, 75 และ76 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 8, 9, 11, 13 ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำเลยที่ 12 ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้ลงโทษฐานผลิตกัญชา จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 10 คนละ 9 ปี จำเลยที่ 8, 9, 11 และ 13 คนละ 6 ปี จำเลยที่ 12 4 ปี 6 เดือน ฐานมีกัญชาเพื่อจำหน่ายให้จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 10 คนละ 9 ปี จำเลยที่ 8, 911 และ 13 คนละ 6 ปี จำเลยที่ 12 4 ปี 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 10 คนละ 18 ปี จำเลยที่ 8,9, 11 และ 13 คนละ 12 ปี จำเลยที่ 12 9 ปี จำเลยทั้งสิบสามให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 10 คนละ 12 ปี จำเลยที่ 8, 9, 11 และ 13 คนละ 8 ปี จำเลยที่ 12 6 ปี นับโทษจำเลยที่ 7, 8, 9, 10, 11, 12 และ 13 ต่อมาโจทก์ขอริบของกลาง

จำเลยทั้งสิบสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสิบสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26, 75, 76 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 83 ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 และมาตรา 76 วรรคสอง มีระวางโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสามฐานมีกัญชา ตามมาตรา 75 แต่เพียงบทเดียว จำเลยที่ 8 9, 11 และ 13 ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยที่ 12 ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 จำคุก 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 10 คนละ 6 ปี จำเลยทั้งสิบสามให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 10 คนละ 4 ปี จำเลยที่ 8, 9, 11 และ13 คนละ 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 12 2 ปี ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้นับโทษจำเลยที่ 7 ถึงจำเลยที่ 13 ต่อ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า การกระทำผิดของจำเลยทั้งสิบสามเป็นความผิดหลายกรรมและให้นับโทษจำเลยที่ 7 ถึงจำเลยที่ 13 ต่อตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบรับฟังได้ว่า กัญชาที่จำเลยทั้งสิบสามมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็คือกัญชาทั้งหมดที่จำเลยทั้งสิบสามปลูกไว้ซึ่งถือว่า เป็นการผลิตตามกฎหมาย เป็นที่เห็นได้ว่ากัญชาที่จำเลยทั้งสิบสามมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นเป็นผลที่เกิดจากการที่จำเลยทั้งสิบสามปลูกหรือผลิตกัญชานั่นเอง มิได้มีการทำอย่างใดอันมีลักษณะเป็นการกระทำให้ได้กัญชาดังกล่าวมาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายขึ้นอีก การกระทำของจำเลยทั้งสิบสามจึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนปัญหาการนับโทษต่อนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 ยอมรับตามคำฟ้องและคำร้องของโจทก์แล้วทั้งสิ้น ศาลย่อมนับโทษจำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 ต่อได้ตามคำฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับโทษจำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 ต่อตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

Share