แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมเห็น อ. นั่งดื่มสุราอยู่ที่หน้าร้านของจำเลย ต่อมาจำเลยเข้ามาทวงหนี้จากโจทก์ร่วมโดยจำเลยกับ อ. พากันเข้ามาในร้านเกมของโจทก์ร่วมพร้อมกัน แล้วจำเลยชี้ตัวโจทก์ร่วมให้ อ. ดูพร้อมกับพูดว่า คนนี้แหละชื่อยันต์ หลังจากนั้น อ. พูดว่า มึงพากูออกไปตามหาพ่อมึง ติดหนี้แล้วต้องใช้หนี้ เมื่อโจทก์ร่วมบอกว่าไม่ทราบว่าพ่ออยู่ที่ไหนและไม่ยอมไป อ. ก็เดินเข้ามาเตะโจทก์ร่วม พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยสมคบร่วมกันกับ อ. มาเตะทำร้ายโจทก์ร่วมแล้ว แม้ขณะที่ อ. เข้ามาเตะทำร้ายโจทก์ร่วม จำเลยจะเพียงแต่ยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไรก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 83, 295, 364, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายมัธยันต์ ผู้เสียหายที่ 1 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 83, 295, 364, 365 (1) (2) (3) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 365 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 364, 365 (1) (2) (3) ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดดังกล่าว คงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 295 จำคุก 1 ปี และปรับ 4,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 364, 365 (1) (2) (3) ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดดังกล่าว คงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 295 จำคุก 1 ปี และปรับ 4,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนั้น สำหรับข้อหาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 จึงพิพากษาแก้เฉพาะโทษอันเป็นการพิพากษาแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แต่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยไม่เข้าลักษณะเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับนายอ๊อดตาม ป.อ. มาตรา 83 ซึ่งคดีที่มีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมายเช่นนี้ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 222 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมเห็นนายอ๊อดนั่งดื่มสุราอยู่ที่หน้าร้านของจำเลย ต่อมาจำเลยเข้ามาทวงหนี้จากโจทก์ร่วมโดยจำเลยกับนายอ๊อดพากันเข้ามาในร้านเกมของโจกท์ร่วมพร้อมกัน แล้วจำเลยชี้ตัวโจทก์ร่วมให้นายอ๊อดดูพร้อมกับพูดว่าคนนี้แหละชื่อยันต์ นายอ๊อดพูดว่า มึงพากูออกไปตามหาพ่อมึง ติดหนี้แล้วต้องใช้หนี้ เมื่อโจทก์ร่วมบอกว่าไม่ทราบว่าพ่ออยู่ที่ไหนและไม่ยอมไป นายอ๊อดก็เดินเข้ามาเตะโจทก์ร่วมเช่นนี้ เห็นว่า พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยได้สมคบร่วมกันกับนายอ๊อดมาเตะทำร้ายโจทก์ร่วมแล้ว แม้ว่าขณะที่นายอ๊อดเข้ามาเตะทำร้ายโจทก์ร่วม จำเลยจะเพียงแต่ยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไรดังที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกาก็ตาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยแสดงว่าจำเลยกับนายอ๊อดได้ร่วมคบคิดและวางแผนกันมาล่วงหน้าจึงเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับนายอ๊อดด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.