คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6468/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าฉาง เอกชน นอกจากเป็นสัญญาเช่าทรัพย์แล้วยังมีข้อกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่เก็บรักษาข้าวเปลือกและดูแลมิให้เกิดความเสียหายหากเกิดความเสียหายหรือสูญหาย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ราคา จึงมีลักษณะเป็นสัญญาฝากทรัพย์รวมอยู่ด้วย จำเลยในฐานะผู้รับฝากทรัพย์ซึ่งจะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากไว้แก่โจทก์เมื่อทรัพย์ที่ฝากสูญหายจึงต้องใช้ราคาแทนตัวทรัพย์ การฟ้องเรียกให้ใช้ราคาทรัพย์ในกรณีนี้ไม่ใช่เรียกค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 และไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 (กฎหมายใหม่ 193/30)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าฉาง จากจำเลยเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บข้าวเปลือกของโจทก์แต่ผู้เดียว โจทก์ได้นำข้าวเปลือกชนิดต่าง ๆ เข้าไว้ในฉางทั้ง 2 ฉาง และในระหว่างอายุสัญญาเช่าโจทก์ได้สั่งจ่ายข้าวเปลือกชนิดต่าง ๆ ออกจากฉางเป็นจำนวน1,906,016 กิโลกรัม โจทก์ยอมให้หักน้ำหนักข้าวเปลือกยุบตัวตามสภาพอีกจำนวนร้อยละ 2 ของจำนวนข้าวทั้งหมดของน้ำหนักหลังจากครบกำหนดสัญญาเช่าฉางโจทก์ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีข้าวเปลือกเหลืออยู่ จำเลยในฐานะผู้ให้เช่าฉางจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายหรือสูญหายของข้าวเปลือกตามสัญญาเช่าฉาง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 765,171.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยชำระค่าเช่าฉางให้จำเลยสัญญาเช่าไม่ติดอากรแสตมป์รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ และโจทก์คิดราคาข้าวเปลือกเกินความจริง หากคิดตามจำนวนข้าวเปลือกที่โจทก์เรียกร้องแล้วจะมีจำนวนเพียง 499,175.96บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 765,171.20 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงซึ่งคู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าฉางตามฟ้องจากจำเลยเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บข้าวเปลือกของโจทก์ โดยมีข้อตกลงกันว่า จำเลยจะเก็บรักษาข้าวเปลือกตามชนิด จำนวน น้ำหนัก มิให้เปลี่ยนแปลงหรือผิดไปจากสภาพเดิม ถ้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายขึ้นจำเลยต้องรับผิดชอบและชดใช้ราคาข้าวเปลือกที่ผิดชนิดหรือขาดจำนวนไปไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ยกเว้นข้าวเปลือกที่ยุบตัวไปตามสภาพไม่เกินร้อยละ 2 ของจำนวนข้าวทั้งหมด หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัยระหว่างสัญญาเช่า ปรากฏว่าข้าวเปลือกของโจทก์ที่เก็บอยู่ในฉางได้สูญหายไปหลังจากหักน้ำหนักการยุบตัวโดยสภาพร้อยละ 2 แล้วจำนวน 265,995.24 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 765,171.20 บาท
จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 เห็นว่า ตามสัญญาเช่าฉางเอกชน นอกจากเป็นสัญญาเช่าทรัพย์แล้วยังมีข้อกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่เก็บรักษาข้าวเปลือกและดูแลมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้าวเปลือกที่เก็บรักษาในฉางด้วย หากเกิดความเสียหายหรือสูญหายขึ้นจำเลยต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาข้าวเปลือกที่ขาดจำนวนไปแก่โจทก์ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาฝากทรัพย์รวมอยู่ในตัวด้วย ฉะนั้นจำเลยในฐานะผู้รับฝากทรัพย์ซึ่งจะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากไว้แก่โจทก์เมื่อทรัพย์ที่รับฝากสูญหายไปจำเลยจึงต้องใช้ราคาทรัพย์ที่รับฝากไว้แทนตัวทรัพย์ การฟ้องเรียกให้ใช้ราคาทรัพย์ในกรณีนี้ไม่ใช่เรียกค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 671 และไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share