คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6459/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สำนักงานสาขาอุดรธานีของบริษัทจำเลยที่ 3 เป็นสำนักงานสาขาของจำเลยที่ 3 แต่ไม่ปรากฏว่าสำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 คงได้ความเพียงว่าโจทก์ได้ไปติดต่อให้สำนักงานสาขาอุดรธานีชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุละเมิดแล้ว กรณียังถือไม่ได้ว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3 เป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ในส่วนกิจการอันได้กระทำเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2537 นายเผ่า ศรีภูมิ ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1508 เลย และรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 80-2964 เลย ของโจทก์ไปตามถนนพหลโยธิน จากตลาดประตูน้ำพระอินทร์มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เมื่อถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 48 ถึง 49 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน72-7705 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาทด้วยความเร็วสูงชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน875,480 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 875,480 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า เหตุคดีนี้เกิดในเขตศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดอุทัยธานี จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนจำเลยที่ 3 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในเขตศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ตามฟ้องเป็นเพียงสำนักงานตัวแทนนายหน้าประกันของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โจทก์ฟ้องคดีผิดเขตศาล ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุดรธานี) หรือไม่ เห็นว่า แม้สำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3 จะเป็นสำนักงานสาขาของจำเลยที่ 3 แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าสำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 อย่างใด คงได้ความเพียงว่าโจทก์ได้ไปติดต่อให้สำนักงานสาขาอุดรธานีชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุละเมิดแล้ว กรณียังถือไม่ได้ว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3 เป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ในส่วนกิจการอันได้กระทำเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุดรธานี) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share