แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ที่ดัดแปลง 1 เครื่อง พร้อมบาร์เลื่อย 1 อัน และโซ่เลื่อยยนต์ 1 เส้น อันเป็นส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกล อันเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้ ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2551 โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย แม้กฎกระทรวงจะกำหนดลักษณะและขนาดของเลื่อยโซ่ยนต์ที่จะทำให้ผู้ที่มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดก็ตาม แต่กฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดลักษณะและขนาดเลื่อยโซ่ยนต์เฉพาะที่มีต้นกำลังเกินกว่า 2 แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวเกินกว่า 12 นิ้ว เท่านั้น เมื่อโจทก์อ้างถึง พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 และกฎกระทรวงที่ถือเป็นความผิดไว้ในคำฟ้องแล้ว เท่ากับอ้างว่าเลื่อยโซ่ยนต์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครองเป็นเลื่อยโซ่ยนต์ที่มีต้นกำลังเกินกว่า 2 แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวเกินกว่า 12 นิ้ว ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดพอสมควรที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ, 83, 91, 32, 33 พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 3, 4, 17 และริบเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ดัดแปลง 1 เครื่อง พร้อมบาร์และโซ่ของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) วรรคแรก ประกอบมาตรา 336 ทวิ พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง วรรคสี่ (ที่ถูกไม่ต้องปรับวรรคสี่), 17 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จำคุกคนละ 3 ปี กระทงหนึ่ง ฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี อีกกระทงหนึ่ง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 6 เดือน อีกกระทงหนึ่ง รวมสองกระทงเป็นจำคุกคนละ 1 ปี 12 เดือน ริบเลื่อยโซ่ยนต์ดัดแปลง 1 เครื่อง พร้อมบาร์และโซ่ของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) หรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในการครอบครองซึ่งเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ที่ดัดแปลง 1 เครื่อง พร้อมบาร์เลื่อย 1 อัน และโซ่เลื่อยยนต์ 1 เส้น อันเป็นส่วนประกอบของเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกล อันเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้ ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2551 โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย แม้กฎกระทรวงจะกำหนดลักษณะและขนาดของเลื่อยโซ่ยนต์ที่จะทำให้ผู้ที่มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีความผิดก็ตาม แต่กฎกระทรวงก็กำหนดลักษณะและขนาดเลื่อยโซ่ยนต์เฉพาะที่มีต้นกำลังเกินกว่า 2 แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวเกินกว่า 12 นิ้ว เท่านั้น เมื่อโจทก์อ้างถึงพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 และกฎกระทรวงที่ถือว่าเป็นความผิดไว้ในคำฟ้องแล้ว เท่ากับอ้างว่าเลื่อยโซ่ยนต์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครองเป็นเลื่อยโซ่ยนต์ที่มีต้นกำลังเกินกว่า 2 แรงม้า โดยมีแผนบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวเกินกว่า 12 นิ้ว ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ฟ้องโจทก์จึงเป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดพอสมควรที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษามาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น