คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6419/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เด็กหญิง ข. หลบหนีออกจากบ้านเพียงไปดูภาพยนตร์ซึ่งไม่ห่างไกลจากบ้านที่อยู่ เมื่อภาพยนต์ เลิกแล้วก็คงกลับบ้านหากไม่ถูกจำเลยพาไป อำนาจในการปกครองดูแลของ จ. หาได้สิ้นสุดลงไม่การที่จำเลยพาเด็กหญิง ข. ไปอยู่ที่อื่นหลายวันถือได้ว่าเป็นการพรากเด็กหญิง ข. ออกจาก จ. โดยปราศจากเหตุอันสมควร ระหว่างที่พาเด็กหญิง ข. ไปพักในที่ต่าง ๆ จำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิง ข. อันเป็นการกระทำอนาจารด้วย แม้ขณะเกิดเหตุเด็กหญิง ข. จะมีอายุ 13 ปี แต่เด็กหญิง ข. มีรูปร่างสมบูรณ์กว่าเด็กปกติทั่วไปจนจำเลยสำคัญผิดว่ามีอายุ 17 ปี จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคแรก จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่ออนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277, 319, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 จำคุก 3 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการพรากเด็กหญิงขนิษฐาพักนาค ไปเสียจากนางจันทร์สี โคกกระชาย ผู้ปกครองเพื่อการอนาจารหรือไม่ เห็นว่า คำว่า “พราก” ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้ให้คำจำกัดความไว้ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525ให้ความหมายว่าจากไป แยกออกจากกัน เอาออกจากกัน การที่เด็กหญิงขนิษฐาหลบหนีออกจากบ้านเพียงไปดูภาพยนต์ ซึ่งไม่ห่างไกลจากบ้านที่อยู่ เมื่อภาพยนต์ เลิกแล้วก็คงกลับบ้านหากไม่ถูกจำเลยพาไปอำนาจในการปกครองดูแลของนางจันทร์สีหาได้สิ้นสุดลงไม่ จำเลยพาเด็กหญิงขนิษฐาไปอยู่ที่อื่นหลายวันเช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการแยกอันเป็นการพรากเด็กหญิงขนิษฐาออกจากนางจันทร์สีโดยปราศจากเหตุอันสมควรแล้ว และเมื่อระหว่างที่พาเด็กหญิงขนิษฐาไปพักในที่ต่าง ๆ จำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงขนิษฐาหลายครั้ง ถือว่าเป็นการกระทำอนาจารด้วย แม้ขณะเกิดเหตุเด็กหญิงขนิษฐาอายุ 13 ปีแต่เด็กหญิงขนิษฐามีรูปร่างสมบูรณ์กว่าเด็กปกติทั่วไปตามสายตาของบุคคลภายนอกดูแล้วจะประมาณว่ามีอายุประมาณ 17 ปี 18 ปีจำเลยจึงสำคัญผิดเช่นนั้น จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคแรก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 ศาลอุทธรณ์ไม่ระบุวรรคและปรับบทเรื่องกระทำสำคัญผิดศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคแรก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share