แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าหุ้นที่โจทก์นำมาลงหุ้นเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน เป็นการเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินค่าหุ้น ไม่ใช่โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(1) และกรณีนี้กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามมาตรา 193/30 ซึ่งมีกำหนด 10 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยตกลงเข้าหุ้นรับเหมางานก่อสร้างจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย โดยให้จำเลยเป็นฝ่ายประมูลงานและควบคุมงานโจทก์เป็นฝ่ายออกเงินทุนซื้อวัสดุอุปกรณ์ เมื่อได้รับสินจ้างจากผู้ว่าจ้าง จำเลยต้องคืนเงินค่าวัสดุอุปกรณ์แก่โจทก์ ส่วนที่เหลือเป็นผลกำไรนำมาแบ่งปันกัน โดยให้โจทก์ได้ส่วนแบ่งร้อยละสี่สิบห้า จำเลยได้ร้อยละห้าสิบห้า ต่อมาจำเลยประมูลงานซ่อมแซมบ้านพักโทรคมนาคม จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย โจทก์ออกเงินทุนซื้อวัสดุเป็นเงิน368,160 บาท เมื่องานเสร็จ ได้รับสินจ้างจำนวน 498,000 บาทหักค่าวัสดุและค่าใช้จ่ายแล้วเหลือผลกำไรสุทธิ 90,000 บาทจำเลยตกลงยกส่วนแบ่งผลกำไรของจำเลยให้โจทก์ เพราะจำเลยรับเงินจำนวนนี้จากโจทก์ไปล่วงหน้า จำเลยจึงต้องคืนเงินค่าวัสดุแก่โจทก์ 368,160 บาท กับเงินผลกำไร 90,000 บาทนอกจากนี้จำเลยต้องคืนเงินที่โจทก์ให้จำเลยซื้อวัสดุในการทำงานรับเหมาก่อสร้างระหว่าง พ.ศ. 2531 ถึง พ.ศ. 2532 อีก114,510 บาท จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 572,670 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 572,670 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันรับเหมางานก่อสร้างตามฟ้องหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยรับฟังว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลรับฟังเป็นความจริงได้ยิ่งกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันรับเหมางานก่อสร้างจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์
ปัญหาต่อไปสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในเงินจำนวน114,510 บาท มีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34(1) หรือไม่ เห็นว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวซึ่งเป็นเงินค่าหุ้นที่โจทก์นำมาลงหุ้นเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน จึงเป็นการเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินค่าหุ้นหาใช่โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่และกรณีนี้กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30ซึ่งมีกำหนด 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน