คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6395/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 323 หมายถึงให้คู่ความหรือผู้มีสิทธิได้รับเงินจากศาลดำเนินการขอรับเงินให้เสร็จสิ้นภายในห้าปี หากไม่ดำเนินการขอรับไปภายในห้าปีนับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาตให้รับไป เงินดังกล่าวยังคงค้างอยู่ก็ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดทำระบบบัญชีการเงินต่างๆ ของศาลและการนำเงินส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เรียกร้องเอาเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนภายในห้าปีและศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว แม้โจทก์จะมาขอรับเมื่อเลยระยะเวลาห้าปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาต บทบัญญัติดังกล่าวก็หามีผลบังคับถึงกรณีของโจทก์ไม่ หากนับระยะเวลาดังที่โจทก์อ้าง กล่าวคือ เมื่อขออนุญาตรับและศาลอนุญาตแล้วจะมารับเมื่อใดก็ได้ จะทำให้ระยะเวลาการรับเงินยืดเยื้อออกไปไม่สิ้นสุด ซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรานี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 16,361,643 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 16,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำหน่ายคดีจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ 175,000 บาท ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินคืน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและออกเช็คคืนเงินค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์มิได้มารับ จนกระทั่งโจทก์จึงยื่นคำแถลงมอบฉันทะให้นายสมชายมาขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลชั้นต้นสั่งคืนแทน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มิได้มารับเงินคืนภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์ เงินจึงตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ยกคำแถลง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า โจทก์เรียกร้องเอาเงินค่าฤชาธรรมเนียมภายใน 5 ปี และศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว แม้โจทก์จะมาขอรับเมื่อเลยระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ก็หามีผลใช้บังคับถึงกรณีของโจทก์ไม่ เพราะมาตราดังกล่าวบังคับเฉพาะผู้มีสิทธิมิได้เรียกร้องเอาเงินค้างจ่ายใดในศาลภายใน 5 ปี จึงให้เงินตกเป็นของแผ่นดิน แต่กรณีของโจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกร้องค่าฤชาธรรมเนียมภายใน 5 ปี นับแต่ศาลมีคำสั่งคืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ที่บัญญัติว่า บรรดาเงินต่างๆ ที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลหรือที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ถ้าผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน หมายถึงให้คู่ความหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับดำเนินการขอรับเงินดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดห้าปี หากไม่ดำเนินการขอรับไปภายในห้าปีนับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์รับไป เงินดังกล่าวยังคงค้างจ่ายอยู่ก็ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดทำระบบบัญชีการเงินต่าง ๆ ของศาลและการนำเงินส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป หากนับระยะเวลาดังที่โจทก์อ้างข้างต้น กล่าวคือเมื่อขออนุญาตรับและศาลอนุญาตแล้วจะมารับเมื่อใดก็ได้ จะทำให้ระยะเวลาการรับเงินยืดเยื้อออกไปไม่สิ้นสุด ซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรานี้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาไม่คืนเงินให้โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share