คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6375/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ตกลงซื้อลมและแก๊สจากจำเลยโดยโจทก์วางเงินมัดจำ(ประกัน)ค่ายืมท่อบรรจุลมและแก๊สไว้แก่จำเลย ต่อมาโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยมารับท่อและคืนเงินมัดจำ มิฉะนั้นจะนำท่อออกขายทอดตลาด อันเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์แม้จำเลยได้ทราบแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ตกลงด้วย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะนำท่อออกขายตามที่ได้แจ้ง ทั้งนี้เพราะสัญญาซื้อขายและสัญญายืมท่อระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ได้กำหนดให้โจทก์มีสิทธิที่จะขายท่อของจำเลยเพื่อนำเงินมาหักออกจากเงินมัดจำค่ายืมท่อ แม้จำเลยจะมีหน้าที่ต้องคืนเงินมัดจำค่ายืมท่อให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องคืนท่อให้แก่จำเลยเช่นกัน เมื่อโจทก์นำท่อของจำเลยไปขายโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงินมัดจำท่อแก่โจทก์ ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 369

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๕,๑๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๘,๐๐๐ บาท จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำท่อคืน โจทก์ไม่มีสิทธินำท่อออกขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๐๐๐ บาท แทนจำเลยทั้งสอง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อลมออกซิเจนและแก๊สอะเซทิลีน จากจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์วางเงินมัดจำเป็นค่ายืมท่อลมและแก๊ส ๔๐ ท่อ ราคาท่อละ ๑,๘๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๗๒,๐๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ทำสัญญาซื้อลมออกซิเจนและแก๊สอะเซทิลีนจากจำเลยที่ ๑ อีกครั้งเป็นเงิน ๘๑,๖๐๐ บาท โดยยังคงถือเอาเงินมัดจำจำนวน ๗๒,๐๐๐ บาท เป็นเงินมัดจำค่ายืมท่อต่อไป ต่อมาโจทก์เลิกซ่อมรถจึงโทรศัพท์แจ้งให้จำเลยทั้งสองรับท่อคืน และให้คืนเงินมัดจำให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองได้รับท่อคืนไป ๖๐ ท่อ คงเหลืออยู่ที่โจทก์อีก ๔๐ ท่อ โจทก์จึงมีหนังสือให้จำเลยทั้งสองรับท่อที่เหลือจำนวน ๔๐ ท่อ คืนและให้คืนเงินมัดจำแก่โจทก์ มิฉะนั้นโจทก์จะนำท่อดังกล่าวออกขายทอดตลาด จำเลยทั้งสองทราบแล้วก็เพิกเฉย โจทก์จึงประกาศขายท่อดังกล่าวกับแจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ แล้วจึงขายให้ผู้ประมูลได้ในราคาท่อละ ๘๕๐ บาท คิดเป็นเงิน ๓๔,๐๐๐ บาท เมื่อนำมาหักกับเงินมัดจำที่จำเลยทั้งสองต้องคืนแก่โจทก์จำนวน ๗๒,๐๐๐ บาท แล้วเงินยังขาดอยู่ ๓๘,๐๐๐ บาท โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระเงินที่ขาดดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราตามกฎหมายคืนให้แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือของโจทก์ให้มารับท่อคืนและคืนเงินมัดจำท่อแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยทั้งสองนิ่งเฉยไม่ทักท้วง โจทก์จะมีสิทธิขายท่อดังกล่าว ได้หรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสองมารับท่อและคืนเงินมัดจำ มิฉะนั้นจะนำท่อออกขายทอดตลาดอันเป็นการแสดงเจตนาและความประสงค์ของโจทก์ แม้จำเลยทั้งสองได้ทราบเจตนาของโจทก์แล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ตกลงด้วยดังกล่าวโจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำท่อออกขายตามที่ได้แจ้ง ทั้งนี้เพราะในหนังสือสัญญาซื้อขายและสัญญายืมท่อระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองนั้นไม่ได้กำหนดให้โจทก์มีสิทธิที่จะขายท่อของจำเลยทั้งสองเพื่อนำเงินที่ได้มาหักออกจากเงินมัดจำค่ายืมท่อตามความต้องการโจทก์ได้ แม้จำเลยทั้งสองจะมีหน้าที่ที่จะต้องคืนเงินมัดจำให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้จำเลยตามสัญญายืมท่อก็มีหน้าที่ต้องคืนท่อของจำเลยทั้งสองให้แก่จำเลยทั้งสองด้วย เมื่อโจทก์นำท่อของจำเลยทั้งสองไปขายโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนเงินมัดจำค่ายืมท่อแก่โจทก์ ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๖๙ ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น จึงเป็นการชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share