คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5242/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ลูกหนี้และจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมร่วมกันรับผิดชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบและโจทก์บังคับจำนองเอาจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 แล้วไม่พอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 จนครบถ้วนได้ จึงหาจำต้องระบุว่าหากบังคับจำนองเอาจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้โจทก์มีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 อีกด้วยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ผู้กู้และจำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมร่วมกันชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ถ้าไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๘๑๓๘ ตำบลบางขุนศรี (บางเสาธง) อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ ๑ ที่จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามฟ้องโจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น โจทก์เกรงว่าหากบังคับเอาทรัพย์จำนองของจำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ โจทก์จะไม่สามารถบังคับเอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ ๒ เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์จนครบถ้วนได้นั้น เห็นว่า ศาลล่างทั้งสองได้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระหนี้ตามฟ้องให้แก่โจทก์แล้ว ดังนั้น หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบและโจทก์บังคับจำนองเอาจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ ๑ แล้วยังไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมจนครบถ้วนได้ จึงหาจำต้องระบุว่า หากบังคับจำนองเอาจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ ๑ ได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้โจทก์มีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ ๒ ได้อีกด้วยไม่ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นชัดเจนแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share