แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพะยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่าจำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบังอาจสมคบกันขนย้ายข้าวจากอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ไปยังกิ่งอำเภอเกาะยาว อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา โดยขนย้ายทางทะเล เป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค และประกาศของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกัข้าว แต่มีเหตุสุดวิสัยมาขัดขวาง โดยเจ้าพนักงานจับจำเลยและข้าวได้เสียก่อน ขอให้ลงโทษและริบของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้าวที่จับได้ ซื้อจากอำเภอทับปุด เพื่อเอาไปกิน ที่มีจำนวนมากเพราะญาติพี่น้องฝากไปซื้อด้วยทั้งนี้ทางเกาะที่อยู่อดข้าว แต่ภายหลังจำเลยขอสืบพะยาน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง , ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ปรากฎว่าจำเลยตั้งใจขนย้ายภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน เป็นแต่ขนย้ายไปทางทะเล ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อการขนย้ายของจำเลยมิได้เป็นการขนย้ายออกนอกเขตต์ที่กำหนด หากแต่เป็นการขนย้ายภายในเขตต์ที่กำหนดไว้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา ๑๐,๑๓ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว เพราะ ๒ มาตรานี้ เอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ ซึ่งคณะกรรมการการประกาศกำหนด คดีไม่มีทางลงโทษตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว
ส่วน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้นตามหลักฐานพะยานโจทก์ ก็ไม่มีแสดงว่าจำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้ คดีไม่ม่ทางลงโทษจำเลย
พิพากษายืน