แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ มีอำนาจคัดค้านต่อศาลได้ถึงแม้จะได้เคยออกเสียงลงมติยอมรับไว้ในที่ประชุมเจ้าหนี้ก็ตามดังนั้นการที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว แต่ไม่ได้เข้าประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก จึงไม่ได้คัดค้านการประนอมหนี้ไว้ ต่อมาได้ยื่นคำคัดค้านการประนอมหนี้ก่อนศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจอุทธรณ์ได้ ก่อนล้มละลาย จำเลยมีสินทรัพย์ไม่พอกับหนี้สิน และไม่สามารถนำบัญชีและงบดุลประจำปีมาแสดงต่อศาลได้สำหรับระยะเวลา 3 ปีก่อนล้มละลายโดยไม่มีเหตุสมควรอันต้องด้วยข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยได้ขืนกระทำการค้าขายต่อไปอีกโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ ตามมาตรา 74(2)(ข) ศาลสั่งให้ยกคำขอประนอมหนี้ได้ตามมาตรา 72 ประกอบมาตรา 73(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483.
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด จำเลยทั้งสองยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย และที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงรายงานขอให้ศาลพิจารณาคำขอประนอมหนี้ต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านคำขอประนอมหนี้ ขอให้มีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ของจำเลยทั้งสอง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำขอประนอมหนี้เสีย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 52 วรรคสองบัญญัติว่า เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วมีอำนาจคัดค้านต่อศาลได้ ถึงแม้จะได้เคยออกเสียงลงมติยอมรับไว้ในที่ประชุมเจ้าหนี้ก็ตาม คดีนี้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว แต่ไม่ได้เข้าประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกจึงไม่ได้คัดค้านการประนอมหนี้ แต่ได้ยื่นคำคัดค้านการประนอมหนี้ไว้ก่อนศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจอุทธรณ์ได้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยทั้งสองฎีกาข้อต่อไปนั้นได้ความจากจำเลยที่ 1 ให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการสอบสวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินตามสำนวนกลางของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ปัจจุบันจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำบัญชีแสดงกิจการต้นทุนกำไรย้อนหลังไป 3 ปีนับแต่วันถูกพิทักษ์ทรัพย์ และจำเลยที่ 2 ให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าปัจจุบันจำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินส่วนตัวที่มิได้ใช้ในการประกอบธุรกิจ ภริยาจำเลยที่ 2 ไม่ได้ประกอบอาชีพและไม่มีทรัพย์สินจำเลยที่ 2 อาศัยอยู่กับนายอนุสรณ์ อัศวไชยวงศ์ เจ้าหนี้รายที่ 10โดยไม่เสียค่าเช่าและในการประกอบกิจการค้าขาย จำเลยที่ 2ไม่ได้ทำบัญชีแสดงการขาดทุนกำไรแต่อย่างใด ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าก่อนล้มละลายจำเลยทั้งสองมีสินทรัพย์ไม่พอกับหนี้สินและไม่สามารถนำบัญชีและงบดุลประจำปีมาแสดงต่อศาลได้สำหรับระยะเวลา 3 ปีก่อนล้มละลายโดยไม่มีเหตุสมควรอันต้องด้วยข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยทั้งสองได้ขืนกระทำการค้าขายต่อไปอีกโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 74(2) (ข) เมื่อฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ขืนกระทำการค้าขายต่อไปอีก โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ให้ศาลสั่งตามมาตรา 72 ได้ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 73(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่เห็นชอบด้วยคำขอประนอมหนี้ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.