คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6361/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาให้โจทก์ก่อสร้างตึกแถวบนที่ดินจำเลยเมื่อก่อสร้างเสร็จจำเลยยอมให้โจทก์จัดหาบุคคลมาเช่าตึกแถวดังกล่าวมีกำหนด30ปีต่อมาผู้ร้องได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดค. ตัวแทนโจทก์มีกำหนด30ปีโดยผู้ร้องได้จ่ายเงินให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดค. ไป300,000บาทแต่ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยมอบอำนาจให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดค. เป็นตัวแทนสัญญาเช่าดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยส่วนโจทก์ทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยแต่มีข้อกำหนดว่าการทำสัญญาเช่านั้นให้ทำโดยตรงกับจำเลยมีกำหนดการเช่า30ปีสัญญาเช่าต้องนำไปจดทะเบียนการเช่าดังนั้นการที่ผู้ร้องอาศัยอยู่ในตึกแถวห้องพิพาทโดยที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยจึงถือว่าผู้ร้องอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของโจทก์ ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชดใช้หรือชำระเงินให้แก่จำเลยเดือนละ68,000บาทจนกว่าโจทก์ทั้งสองและบริวารออกไปจากตึกแถวห้องพิพาทแม้มิได้มีข้อความใดๆให้ขับไล่โจทก์และบริวารก็ตามแต่ก็แสดงชัดเจนแล้วว่าโจทก์ทั้งสองและบริวารจะต้องออกจากตึกแถวห้องพิพาทดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขับไล่ผู้ร้องจึงมิใช่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือคำพิพากษาศาลฎีกา

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชดใช้หรือชำระเงินให้แก่จำเลยเดือนละ 68,000 บาท จนกว่าโจทก์ทั้งสองและบริวารออกไปจากตึกแถวห้องพิพาท จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปบังคับคดีให้โจทก์ทั้งสองและบริวารออกจากตึกแถวห้องพิพาทเลขที่158/104-107 อาคารเลขที่ 158/110-111 อาคารเลขที่ 158/113-135ซอยวัดเจ้ามูล ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ กรุงเทพมหานคร
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยทำสัญญาให้โจทก์ทั้งสองก่อสร้างตึกแถวจำนวน 70 ห้อง บนที่ดินของจำเลย เมื่อก่อสร้างเสร็จจำเลยยินยอมให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิจัดหาบุคคลมาเช่าตึกแถวดังกล่าวมีกำหนด 30 ปี โจทก์ทั้งสองก่อสร้างตึกแถวเสร็จจำนวน 34 ห้องซึ่งรวมห้องพิพาทเลขที่ 158/114 ซอยวัดเจ้ามูล ถนนจรัญสนิทวงศ์แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ต่อมาผู้ร้องได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวห้องพิพาทจากโจทก์เป็นเวลา30 ปี และได้เข้าอยู่อาศัยโดยได้ชำระค่าเช่าตลอดมาจำเลยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวดังกล่าว ย่อมต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าเดิม ผู้ร้องไม่ใช่บริวารของโจทก์จำเลยยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแก่ผู้ร้อง จึงไม่มีสิทธิบังคับผู้ร้องออกจากตึกแถวห้องพิพาท นอกจากนี้คำพิพากษาของศาลก็ไม่มีข้อความขับไล่โจทก์และบริวาร การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงนอกเหนือคำพิพากษา ขอให้มีคำสั่งยกเลิกหรืองดการบังคับคดีแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้เช่าตึกแถวห้องพิพาทจากโจทก์ จึงเป็นบริวารของโจทก์เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์และบริวารออกไปจากตึกแถวห้องพิพาทผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวห้องพิพาทต่อไป ยกคำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้น ไต่สวน แล้ว มี คำสั่ง ยกคำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อแรกว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของโจทก์หรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องอาศัยอยู่ในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่า ซึ่งผู้ร้องเช่าจากตัวแทนโจทก์ตามเอกสารหมาย ร.2 ผู้ร้องจึงมิใช่บริวารโจทก์นั้นเห็นว่า ตามสัญญาเช่าตึกแถวเอกสารหมาย จ.2 เป็นสัญญาทำขึ้นระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้าง ผู้ให้เช่ากับนายชูสง่า ชูเสรีสุข ผู้ร้องเป็นผู้เช่า มีกำหนด 30 ปี ทางไต่สวนได้ความว่า ผู้ร้องได้จ่ายเงินให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้างไป 300,000 บาท แต่ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยมอบอำนาจให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้างเป็นตัวแทนสัญญาเช่าดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลย ส่วนโจทก์ทั้งสองทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยแต่มีข้อกำหนดว่าการทำสัญญาเช่านั้นให้ทำโดยตรงกับจำเลย มีกำหนดการเช่า 30 ปี สัญญาเช่าต้องนำไปจดทะเบียนการเช่า ดังนั้น การที่ผู้ร้องอาศัยอยู่ในตึกแถวห้องพิพาทโดยที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่ากับจำเลย จึงถือว่าผู้ร้องอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ทั้งสอง ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของโจทก์ทั้งสอง
ปัญหาข้อต่อไปที่ผู้ร้องฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีนอกเหนือคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ผู้ร้องฎีกาว่า ศาลฎีกาเพียงพิพากษาว่าให้โจทก์ชดใช้หรือชำระเงินให้แก่จำเลยเดือนละ 68,000 บาท จนกว่าโจทก์ทั้งสองและบริวารออกไปจากตึกแถวห้องพิพาทเท่านั้น มิได้มีข้อความใด ๆ ให้ขับไล่โจทก์และบริวาร ดังนั้น ผู้ร้องจึงยังมีสิทธิอาศัยอยู่นั้นเห็นว่า ข้อความในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ผู้ร้องอ้างมาดังกล่าวแสดงชัดเจนแล้วว่า โจทก์ทั้งสองและบริวารจะต้องออกจากตึกแถวห้องพิพาทดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขับไล่ผู้ร้องจึงมิใช่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือคำพิพากษาศาลฎีกาแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share