แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารมีข้อความว่า จำเลยสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ภายใน 1 ปี ในราคา 124,000 บาท โดยโจทก์ต้องผ่อนส่งเป็นงวด การผ่อนต้องชำระทุกวันที่ 16 ของเดือน ในตอนท้ายมีข้อความว่า “ถ้าหากพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญานี้ไปแล้ว นางยี่สุ่น สนิทวงศ์ (โจทก์) ไม่สามารถจะนำเงินที่ค้างมาซื้อตามที่ตกลงกันในสัญญานี้ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุด” ดังนี้ เห็นว่าผลของการไม่ชำระเงินมีอย่างไร ไม่มีข้อความเขียนไว้ แสดงให้เห็นว่า คำมั่นของจำเลยจะสิ้นสุดลงก็เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี โดยโจทก์ไม่สามารถชำระเงินตามจำนวนที่จะซื้อที่ดินคืนได้ คำว่า นำเงินที่ค้างชำระตามงวดมาซื้อ ย่อมเข้าใจได้ว่าหมายความถึงเงินที่กำหนดไว้เป็นงวด ๆ และยังไม่ได้ชำระตามงวด เหตุนี้ แม้จะค้างชำระเงินตามงวดอยู่ สัญญาก็สิ้นสุดลงต่อเมื่อไม่ชำระเงินที่ค้างจนครบ 1 ปี.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงกับโจทก์ไถ่ที่ดินโฉนดที่ ๕๑๗๖ ซึ่งโจทก์ขายฝากนางบางไว้ให้โจทก์ โดยจำเลยซื้อที่รายนี้จากนางบางแล้วทำสัญญาจะขายให้โจทก์ในราคา ๑๒๔,๐๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี โจทก์แจ้งให้จำเลยไปโอนที่ดินคืนหลายครั้งภายใน ๑ ปี จำเลยหลีกเลี่ยงไม่โอนขายคืนให้โจทก์ กลับบอกเลิกสัญญา ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนขายที่ดินโฉนดที่ ๕๑๗๖ แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายกำหนดชำระราคา ๑๑ งวด ๆ ละ ๒,๐๐๐ บาท ทุกวันที่ ๑๖ ของเดือน งวดสุดท้าย ๑๐๒,๐๐๐ บาท ถ้าโจทก์จะซื้อก่อน ๑ ปี ก็ต้องส่งผ่อนชำระทุกงวดไม่มีค้าง โจทก์ไม่เคยชำระเงินแม้แต่งวดเดียว โจทก์หมดสิทธิจะซื้อคืน และจำเลยบอกเลิกสัญญาแล้ว
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์กับนางสินธุ์ จามรมาน ผู้จะรับซื้อที่ดินของโจทก์เตรียมเงินไปที่หอทะเบียนตามนัดเพื่อซื้อที่ดินคืนภายในกำหนด จำเลยไม่ยอมขาย พิพากษาให้จำเลยทำนิติกรรมจดทะเบียนขายที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ในราคา ๑๒๔,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาเกี่ยวกับการตีความในเอกสาร จ.๑ ที่โจทก์อาศัยเป็นหลักเรียกร้องให้จำเลยโอนที่ดินขายให้โจทก์เท่านั้น เอกสารนี้มีความว่า จำเลยสัญญาจะขายที่ดินนั้นให้แก่โจทก์ภายใน ๑ ปี ในราคา ๑๒๔,๐๐๐ บาท โดยโจทก์ต้องผ่อนส่งงวดละ ๒,๐๐๐ บาท ๑๑ งวด งวดที่ ๑๒ ชำระเงิน ๑๐๒,๐๐๐ บาท การผ่อนต้องชำระทุกวันที่ ๑๖ ของเดือน เมื่อได้รับเงินครบแล้วจึงโอนกรรมสิทธิ์ให้ ในตอนท้ายมีข้อความว่า “ถ้าหากพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญานี้ไปแล้ว นางยี่สุ่น สนิทวงศ์ ไม่สามารถจะนำเงินที่ค้างชำระมาซื้อตามที่ตกลงกันในสัญญานี้ ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุด” เอกสารที่จำเลยทำเป็นคำมั่นว่าจะขายที่ดินให้ไว้แก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์มิได้ชำระเงินแก่จำเลยตามงวดที่ระบุไว้เลย แต่โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ภายในกำหนด ๑ ปี โดยมีเงินพร้อมที่จะชำระแก่จำเลย จำเลยยังคงต้องผูกพันตามคำมั่นที่ให้ไว้ดังกล่าวหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าถึงแม้จะได้มีกำหนดชำระเงินเป็นงวด ๆ ในวันที่ ๑๖ ของทุก ๆ เดือน แต่ผลของการไม่ชำระเงินมีอย่างไรไม่มีข้อความเขียนไว้ จนถึงตอนท้ายจึงมีข้อความว่า ถ้าพ้นกำหนด ๑ ปีไม่นำเงินที่ค้างชำระมาซื้อตามที่ตกลงกัน ถือว่าสัญญาสิ้นสุด ข้อความเขียนไว้ดังนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า คำมั่นของจำเลยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปีโดยโจทก์ไม่สามารถชำระเงินตามจำนวนที่จะซื้อที่ดินคืนได้ คำว่า นำเงินที่ค้างชำระมาซื้อ ย่อมเข้าใจได้แจ้งชัดว่าหมายความถึงเงินที่กำหนดไว้เป็นงวด ๆ และยังไม่ได้ชำระตามงวด จึงเรียกว่าเป็นเงินที่ค้างชำระ ถ้าหากได้ชำระครบทุกงวดตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็ย่อมไม่มีเงินค้างชำระในระหว่างเวลา ๑ ปีนั้น เหตุนี้แม้จะค้างชำระเงินตามงวดอยู่ สัญญาก็สิ้นสุดลงต่อเมื่อไม่ชำระเงินที่ค้างจนครบ ๑ ปี เมื่อเอกสาร จ.๑ มีข้อความวินิจฉัยได้ดังนี้แล้ว ก็ไม่เป็นกรณีที่จะสืบพยานบุคคลเพื่อตีความอย่างไรอีก คดีเป็นอันไม่มีข้อโต้เถียงตามที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์จะสืบพยานบุคคลแก้ไขข้อความในเอกสาร จ.๑ ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ หรือไม่ จำเลยจึงต้องผูกพันขายที่ดินให้โจทก์ตามคำมั่นของตน
พิพากษายืน.