คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1613/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีจำเลยเป็นลูกหนี้ธนาคารโจทก์อยู่แล้วถึงแก่กรรม จำเลยทำหนังสือรับใช้หนี้ให้แก่โจทก์มีข้อความว่า”ข้าพเจ้าขอให้สัญญาในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกนายไสว ทวีการ ต่อธนาคารว่า ข้าพเจ้าจะนำเงินมาผ่อนชำระให้แก่ธนาคาร…..” ดังนี้แสดงว่าจำเลยมิใช่ลูกหนี้โจทก์โดยตรง จำเลยเพียงแต่ทำหนังสือรับใช้หนี้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกนายไสว ทวีการ ผู้ตายลูกหนี้โจทก์เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เมื่อจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ดังกล่าวข้างต้น อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ที่มิให้เจ้าหนี้ฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่ความตายของเจ้ามรดกนั้น จึงสะดุดหยุดลง และต้องตั้งต้นนับใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้จากการกู้เงินอันมีกำหนด 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายไสว ทวีการ ได้กู้เงินโดยวิธีการเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์แล้วไม่ชำระจนกระทั่งถึงแก่กรรม จำเลยซึ่งเป็นภริยานายไสวได้ทำความตกลงยอมชำระหนี้ของนายไสวแก่โจทก์แล้วก็ไม่ชำระขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยรับผิดเป็นส่วนตัว สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยสำคัญผิดคิดว่านายไสวเป็นลูกหนี้เบิกเงินเกินบัญชี จึงลงนามให้ในสัญญา สัญญาจึงเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นายไสวต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่ธนาคารตามหลักเรื่องหนี้ทั่ว ๆ ไป เอกสารท้ายฟ้องแสดงว่าจำเลยรับผิดในฐานะผู้รับมรดกเท่านั้น ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จะต้องฟ้องผู้รับมรดกภายในกำหนด ๑ ปี โจทก์มาฟ้องเมื่อพ้น ๑ ปีแล้ว คดีจึงขาดอายุความ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายไสวต้องรับผิดตามโจทก์เรียกร้อง อายุความสิทธิเรียกร้องของโจทก์ต้องนับใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้ที่จำเลยรับใช้คือ ๑๐ ปี จึงไม่ขาดอายุความ หนี้ของนายไสวผูกพันสินบริคณห์จำเลยยอมรับใช้หนี้ในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะภริยานายไสวด้วย พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องโจทก์
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้งว่า จำเลยทำหนังสือรับใช้หนี้นายไสวในฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้น จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า อายุความเรียกร้องของโจทก์อันมีต่อเจ้ามรดกได้เปลี่ยนมาเป็นอายุความเรียกร้องอันมีต่อจำเลย จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ว่า “ข้าพเจ้าขอให้สัญญาในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกนายไสว ทวีการ ต่อธนาคารว่า ข้าพเจ้าจะนำเงินมาผ่อนชำระให้แก่ธนาคาร…” อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ ที่มิให้เจ้าหนี้ฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่ความตายของเจ้ามรดกนั้น จึงสะดุดหยุดลง ต้องตั้งต้นนับใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้จากการกู้เงินอันมีกำหนด ๑๐ ปี ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวข้างต้น จำเลยทำหนังสือรับใช้หนี้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกนายไสว ลูกหนี้โจทก์ มิได้รับรองให้หนี้นั้นผูกพันจำเลยเป็นส่วนตัว จึงต้องรับผิดในฐานะเป็นภริยาผู้รับมรดกนายไสว ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยต้องรับผิดในฐานะเป็นภริยาผู้รับมรดกนายไสว ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลอุทธรณ์

Share