คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6349/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา เมื่อได้ไต่สวนพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำมาแสดงเพิ่มเติมแล้วนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ มิได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้า การขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมนั้น แม้จะล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลตามคำสั่งศาลชั้นต้นมาแล้วก็ตามถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วน หรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ศาลอุทธรณ์มีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระได้เพราะเป็นอำนาจศาลทั่วไปที่มีอยู่ในการดำเนินการพิจารณา.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยรวมจำนวน 3,502,578.93 บาท บังคับจำเลยที่ 2ที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถ้าหากจำเลยทั้งสามไม่ชำระขอให้เอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2ซึ่งได้จำนองไว้กับโจทก์ประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แทน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การต่อสู้คดี
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน3,502,578.93 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้เอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้จำนองจำนวน 2,030,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้จนครบ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยยังพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้องขอของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถ้าหากจำเลยที่ 1 ที่ 2ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน15 วัน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2533ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ได้ ให้ยกคำร้อง ถ้าหากจำเลยที่ 1 ที่ 2ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน15 วัน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาในการวางเงินค่าธรรมเนียมศาลตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นเองว่า ไม่มีเหตุสมควร ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาในการวางเงินค่าธรรมเนียมศาล
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง เรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่าหากศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอ จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสี่ หรือจะเลือกใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามมาตรา 156วรรคห้า เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จำเลยที่ 1 ที่ 2 เลือกใช้สิทธิตามมาตรา 156 วรรคสี่แล้ว เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง แม้กฎหมายมิได้บัญญัติว่าคำสั่งเช่นนั้นให้เป็นที่สุดก็ตาม จำเลยที่ 1 ที่ 2ไม่มีสิทธิย้อนมาเลือกใช้วิธีอุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 156 วรรคห้าอีก ให้ยกคำร้อง และสั่งเรื่องขอขยายระยะเวลาการชำระค่าฤชาธรรมเนียมว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แล้วจึงไม่จำต้องมีคำสั่งในเรื่องนี้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร้องขอศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่โดยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แล้วยังคงเห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ใช่คนยากจนให้ยกคำร้องขอของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เสียอีก ดังนี้จำเลยที่ 1ที่ 2 จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า ได้หรือไม่ เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาเมื่อได้ไต่สวนพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำมาแสดงเพิ่มเติมแล้วนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่มิได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า…ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในเรื่องขอขยายระยะเวลาในการชำระค่าธรรมเนียม นั้น เห็นว่า แม้จะล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลชั้นต้นมาแล้วก็ตาม ถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ศาลอุทธรณ์มีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระได้ เพราะเป็นอำนาจศาลทั่วไปที่มีอยู่ในการดำเนินการพิจารณา…”
พิพากษายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาตามรูปคดี.

Share