คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6342/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ได้ระบุในคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดว่าในการส่งประกาศขายทอดตลาด พบจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 รับประกาศแล้วไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับประกาศด้วยตนเองดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยกปัญหาเรื่องลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในใบรับหมายมีลักษณะแตกต่างกับลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในสัญญาประนีประนอมยอมความตามฎีกาจำเลยที่ 2จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2อ้างเพียงว่า ผู้ซื้อทรัพย์ตกลงราคากับโจทก์ก่อนเข้าซื้อทรัพย์เป็นการฉ้อฉลจำเลยที่ 2 ทำให้ราคาที่ขายต่ำกว่าราคาที่แท้จริง มิได้กล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คำร้องของจำเลยที่ 2จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และให้ศาลมีคำสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ใหม่ โดยอ้างว่าโจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ร่วมกันฉ้อฉลและราคาที่ขายต่ำกว่าราคาแท้จริงดังกล่าวหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 98 ของจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว บริษัทฉัตรอารี จำกัด ประมูลให้ราคาสูงสุด 1,050,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่บริษัทฉัตรอารี จำกัด
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ไม่ทราบวันขายทอดตลาดโจทก์กับผู้ซื้อกระทำการฉ้อฉลในการประมูลซื้อ เจ้าพนักงานบังคับคดีขายไปในราคาต่ำขอให้ขายทอดตลาดใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้รวม 4 ครั้ง โดยครั้งแรกและครั้งที่สองไม่มีผู้เข้าประมูลครั้งที่สามบริษัทฉัตรอารี จำกัด เข้าประมูลให้ราคาสูงสุด1,000,000 บาท ศาลชั้นต้นเห็นว่าราคายังต่ำให้ขายทอดตลาดใหม่ครั้งสุดท้ายบริษัทฉัตรอารี จำกัด ประมูลได้อีกในราคา1,050,000 บาท
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การส่งประกาศขายทอดตลาดในครั้งที่สองตามรายงานส่งประกาศของเจ้าพนักงานศาลแจ้งว่า ในการส่งประกาศได้พบจำเลยที่ 1 ไม่พบจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ได้รับประกาศไปปรากฏว่าลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ในใบรับหมายกับลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ในสัญญาประนีประนอมยอมความแตกต่างกันอย่างชัดเจนศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 แล้วมีคำสั่งตามรูปคดีต่อไปนั้น ในปัญหานี้จำเลยที่ 2 ได้ระบุในคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดว่าในการส่งประกาศขายทอดตลาดพบจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 รับประกาศแล้วไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ การที่จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับประกาศด้วยตนเองจึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยกปัญหาเรื่องลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในใบรับหมายมีลักษณะแตกต่างกับลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ในคำร้องดังกล่าว จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนปัญหาที่จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อไปว่า โจทก์และบริษัทฉัตรอารี จำกัด ผู้ซื้อทรัพย์ร่วมกันฉ้อฉลเกี่ยวกับราคาทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ที่ขายทอดตลาดราคาทรัพย์ที่แท้จริงจะต้องสูงกว่าราคาที่ศาลสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดนั้น เห็นว่าคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 อ้างว่าบริษัทฉัตรอารี จำกัด ผู้ซื้อทรัพย์ตกลงราคากับโจทก์ก่อนเข้าซื้อทรัพย์เป็นการฉ้อฉลจำเลยที่ 2 ทำให้ราคาที่ขายต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยมิได้กล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่ประการใด คำร้องของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จะมาขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และให้ศาลมีคำสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ใหม่ โดยอ้างว่าโจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ร่วมกันฉ้อฉลและราคาที่ขายต่ำกว่าราคาแท้จริงดังกล่าวหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share