คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6327/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ แต่ศาลชั้นต้นไม่นับโทษต่อให้เพราะคดีดังกล่าวยังไม่ได้พิพากษา เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษต่อโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วโดยจำคุกจำเลยรวม10 ปี จำเลยไม่ได้แก้ฎีกาหรือฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงฟังได้ว่าคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ริบแจกันทองเหลือง นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1866/2542 ของศาลชั้นต้น

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ส่วนที่โจทก์ขอให้ริบแจกันทองเหลืองนั้น เห็นว่าแจกันดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่ริบ ให้ยกคำขอส่วนนี้ ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1866/2542 ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงยังไม่มีโทษจำคุกที่จะนับโทษต่อได้ จึงให้ยกคำขอส่วนนี้

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67จำคุก 5 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน50 เม็ด และแจกันทองเหลืองบรรจุเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 ใบ เป็นของกลาง ได้ส่งของกลางไปตรวจพิสูจน์ที่กองกำกับการวิทยาการเขต 1สำนักงานวิทยาการตำรวจผลการตรวจปรากฏว่าเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดเมทแอมเฟตามีน ตามรายงานผลการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.7คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน50 เม็ดไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าเมทแอมเฟตามีนมิใช่ของจำเลยและมิได้ค้นพบที่บ้านจำเลย เหตุที่จำเลยลงชื่อในบันทึกการตรวจค้นและจับกุมเนื่องจากถูกเจ้าพนักงานตำรวจข่มขู่นั้น ข้อเท็จจริงจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 50 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์และจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1ลงแก่จำเลยนั้นสูงเกินไป ขอให้ลงโทษในสถานเบานั้น เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ใช้ดุลพินิจวางโทษจำเลยก่อนลดจำคุก 5 ปีลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน นั้น นับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นอย่างอื่นฎีกาของจำเลยข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้น และที่โจทก์ฎีกาอีกประการหนึ่งขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1866/2542 ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1866/2542 ของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยก็รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ แต่ศาลชั้นต้นไม่นับโทษต่อให้เพราะคดีดังกล่าวศาลยังไม่ได้พิพากษา เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าว โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วโดยพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยรวมแล้วมีกำหนด 10 ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6036/2543 จำเลยไม่ได้แก้ฎีกาหรือฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อได้ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น”

พิพากษายืน และให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1866/2542 หมายเลขแดงที่ 6036/2543ของศาลชั้นต้น

Share