คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6309/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วันเกิดเหตุตอนใกล้เที่ยงวันจำเลยทราบเรื่องจากภริยาว่าผู้ตายข่มขืนกระทำชำเราภริยา แล้วจำเลยออกจากบ้านไปจับปลา การที่จำเลยพบผู้ตายในตอนเย็นระหว่างนำปลาที่จับได้ไปให้บิดาแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันที ดังนี้ จำเลยหาได้กระทำต่อผู้ตายในขณะมีโทสะหรือระยะเวลาที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่มีโทสะไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายกระทำการข่มเหงจำเลยอย่างใดอีก จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุบันดาลโทสะ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 91พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยให้การรับว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง เพราะเหตุบันดาลโทสะ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เข้าเหตุบันดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 20 ปี ข้อหาฐานมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 21 ปี 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำผิดเพราะเหตุบันดาลโทสะ
พิพากษาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นบันดาลโทสะแต่มีเหตุสมควรลงโทษให้เบาลง พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 วางโทษจำคุก 15 ปี คำรับของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของศาล ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุบันดาลโทสะหรือไม่ พยานโจทก์ในที่เกิดเหตุคือนายมนัด จ่าสิบเอกประสิทธิ์ และนางมะลิ เบิกความยืนยันว่า เมื่อจำเลยส่งถุงปลาให้นางมะลิแล้ว จำเลยบอกนางมะลิว่าไม่เข้าบ้าน หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เห็นจำเลยยิงผู้ตาย แล้วขับรถจักรยานยนต์หนีไป ไม่ปรากฏจากคำเบิกความพยานดังกล่าวเลยว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้พูดอะไรกับจำเลย นางมะลิเป็นน้องสาวจำเลย จ่าสิบเอกประสิทธิ์เป็นน้อยเขย ส่วนนายมนัดก็รู้จักจำเลยตั้งแต่เด็ก บุคคลทั้งสนามล้วนแต่มีความใกล้ชิดกับจำเลย และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองอันใดกับจำเลย เชื่อว่าได้เบิกความไปตามที่รู้เห็นจริงจึงฟังไม่ได้ตามที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะผู้ตายพูดเยาะเย้ยเหยียดหยามจำเลยก่อน การที่จำเลยทราบเรื่องที่ผู้ตายข่มขืนกระทำชำเรานางพยอมภริยาจำเลยจากนางพยอมในตอนใกล้เที่ยงเมื่อจำเลยจับปลาได้จึงขับรถจักรยานยนต์นำไปให้บิดาในตอนเย็นระหว่างทางพบผู้ตายจึงใช้ปืนยิงผู้ตายนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะมีโทสะในขณะทราบเรื่องจากภริยา แต่จำเลยหาได้กระทำต่อผู้ตายในขณะมีโทสะหรือในระยะเวลาที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกันดังกล่าวไม่เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงโดยจำเลยไปจับปลาเช่นนี้ ที่จำเลยยิงผู้ตายเพราะพบกันอย่างบังเอิญ และไม่ปรากฏว่าผู้ตายกระทำการข่มเหงจำเลยอย่างใดอันเป็นการก่อให้จำเลยเกิดโทสะขึ้นมาอีก จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุบันดาลโทสะในขณะถูกข่มเหงกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
พิพากษายืน.

Share