คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยชกต่อยราษฎรคนหนึ่ง ตำรวจเข้าจับจำเลย จำเลยต่อยตำรวจนั้น 1 ที แล้วจำเลยถูกฟ้องต่อศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายราษฎรกับตำรวจผู้นั้น และศาลทหารได้ลงโทษจำเลยแล้วโจทก์จะแยกฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานอีกไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษในกรรมเดียวซ้ำอีกและสิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องต่อศาลของโจทก์ก็ระงับไปแล้ว. ฟ้องจึงเป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยชกต่อยนายเต็กพุ่ยในขณะที่พนักงานสอบสวนกับนายสิบตำรวจเอกพร้อมคุมตัวนายเต็กพุ่ยไป นายสิบตำรวจเอกพร้อมเข้าจับกุมจำเลย ๆ ชกต่อยนายสิบตำรวจเอกพร้อม 1 ที เป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษ

จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหาและต่อสู้ว่าโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องซ้ำกับคดีของศาลทหารเพราะเป็นมูลกรณีเดียวกัน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าจำเลยกระทำผิดเป็นกรรมเดียววาระเดียวกัน แต่ผิดกฎหมายหลายบท จำเลยถูกฟ้องต่อศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายและศาลลงโทษแล้วจะมาแยกฟ้องฐานนี้อีกถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ ทั้งข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบก็ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเจตนาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะจำเลยทำผิดสองสถาน ต่างบทต่างมาตราต่างกรรมต่างวาระ ทั้งความผิดฐานนี้ยังไม่มีคำพิพากษามาก่อน

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันฟังได้ว่านายสิบตำรวจเอกพร้อมจับนายเต็กพุ่ยแล้วเดินตามกันมาพร้อมด้วยพนักงานสอบสวนระหว่างทางจำเลยเข้ามาชกต่อยนายเต็กพุ่ย นายสิบตำรวจเอกพร้อมเข้าจับจำเลย ๆ ต่อยนายสิบตำรวจเอกพร้อม 1 ที ต่อมาจำเลยถูกฟ้องต่อศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายนายเต็กพุ่ยและนายสิบตำรวจเอกพร้อม และศาลทหารได้ลงโทษจำเลยไปแล้ว โจทก์กลับแยกฟ้องจำเลยฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานคดีนี้ต่อศาลจังหวัดกระบี่อีกสำนวนหนึ่ง ดังนี้ เห็นว่ามาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่า “เมื่อการกระทำใดอันเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด ฉะนั้นถ้าโจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำผิดกฎหมายบทใดบ้างก็ชอบที่จะฟ้องเสียในคราวเดียวกัน เพราะการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียววาระเดียวเมื่อจำเลยได้ถูกฟ้องและลงโทษไปแล้ว ดังนี้ โจทก์จะแยกฟ้องต่อศาลเดิมหรือต่างศาลกันอีกต่อไปไม่ได้ มิฉะนั้น จำเลยจะต้องรับโทษในกรรมเดียวซ้ำอีก เมื่อความผิดของจำเลยได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องต่อศาลของโจทก์จึงเป็นอันระงับ ฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ

พิพากษายกฎีกาโจทก์ ยื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share