คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายความที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาย่อมมีอำนาจลงลายมือชื่อในคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการแทนตัวความได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๑ มี.ค.๒๕๐๐ เวลากลางคืน จำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์ของนายเลี๊ยดฮ้อกับพวกไปตามบัญชีทรัพย์รวม ๑๕,๘๕๒ บาท และปล้นเอาสายสร้อยคอทองคำ ๑ สาย นางกวัก ๑ อันราคา ๕๕๐ บาทของ น.ส.สมไปโดยจำเลยใช้ปืนยิงขู่และทำร้ายร่างกายนางบุญล้อมกับนายประจวบได้รับอนตรายตามรายงานชัณสูตรบาดแผล
จำเลยปฏิเสธ
นางบุญล้อมยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายวุ้นจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ (๒) จำคุก ๑๐ ปีและให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่นายเลี๊ยดฮ้อกับพวก ๑๕,๘๕๒ บาท และแก่ น.ส.สม ๕๕๐ บาท ยกฟ้องปล่อยนายชั้นจำเลยกับนายปลูกจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายชั้นจำเลย นายวุ้นจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายวุ้นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า นายวุ้นจำเลยกระทำผิดดังที่ศาลล่างพิพากษามา ข้อที่คัดค้านว่าคำร้องของนางบุญล้อมผู้เสียหายที่ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะทนายเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำร้องโดยนางบุญล้อมไม่ได้ลงลายมือชื่อด้วยตนเองนั้น เห็นพ้องศาลอุทธรณ์ว่า คำร้องเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นคำฟ้องทนายของนางบุญล้อมจึงลงลายมือชื่อแทนได้ และฟังว่าคนร้ายเอาสายสร้อยคอของ น.ส.สมไปราคา ๔๕๐ บาทเท่านั้นมิไดกล่าวถึงนางกวักด้วย จึงพิพากษาแก้ให้นายวุ้นจำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์แก่ น.ส.สมเพียง ๔๕๐ บาท นอกนั้นยืน

Share