คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่าเพิ่งทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องหลังจากพ้นกำหนดยื่นคำให้การแล้วแต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายเพื่อซักค้านพยานโจทก์เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความจริงจำเลยมีหลักฐานต่อสู้คดีได้คำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด ยืม ค้ำประกัน และจำนอง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบพยานและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้ขาดนัดพิจารณาแพ้คดีต่อมาได้มีการปิดคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะยื่นเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับจากวันที่การส่งคำบังคับมีผล
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เป็นครั้งที่สองอ้างว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปประกอบธุรกิจที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่เคยกลับจังหวัดสุรินทร์ จึงทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องภายหลังจากที่พ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การแต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายความเข้าไปดำเนินกระบวนพิจารณาซักค้านพยานทั้งนี้เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความเป็นจริงที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ชำระหนี้ไปแล้วจำนวน 800,000 บาทเศษ และมีหลักฐานพอต่อสู้ได้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงรอให้ศาลแจ้งวันนัดสืบพยานให้ทราบ ในที่สุดก็ไม่ทราบวันนัดพิจารณาของศาล และการแจ้งนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยระบุชื่อโจทก์เป็นคนละคนกับโจทก์คดีนี้ถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายยังไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับทราบนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ตามกฎหมายแล้ว ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันตามกำหนดของกฎหมาย แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2ก็ได้ยื่นภายในกำหนดพฤติการณ์ที่ได้รับทราบคำบังคับแล้วขอให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1และที่ 2 ที่ว่าการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 เพิ่มมาทราบในภายหลังจากที่พ้นกำหนดยื่นคำให้การ แต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายความเข้าไปดำเนินกระบวนพิจารณาซักค้านพยานโจทก์ ทั้งนี้เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความเป็นจริงที่ได้ชำระไปแล้วจำนวน 800,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีหลักฐานพอต่อสู้คดีได้จึงรอให้ศาลแจ้งวันนัดสืบพยานให้ทราบ ในที่สุดก็ไม่ทราบวันนัดคำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแต่ประการใดเลยเมื่อปฏิบัติไม่ถูกต้องย่อมเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้
พิพากษายืน

Share