คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปีนับถัดจากวันที่ตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับถึงกำหนดใช้เงิน ตามป.พ.พ.มาตรา 1002 แต่คำขอของลูกหนี้ที่ 3 ที่ขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงินในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2534วันที่ 20 พฤศจิกายน 2534 และวันที่ 5 ธันวาคม 2534 กำหนดใช้เงินในวันที่ 7มกราคม 2535 วันที่ 19 มกราคม 2535 และวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2535 ให้แก่บริษัทซ.ซึ่งแต่ละฉบับทำขึ้นในวันเวลาเดียวกันกับที่ลูกหนี้ได้ออกตั๋วแลกเงิน แม้ลูกหนี้จะลงลายมือชื่อแต่ฝ่ายเดียว ก็ถือได้ว่าเป็นคำเสนอขอให้เจ้าหนี้รับรองและยินยอมต่อเจ้าหนี้ ให้เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ตามจำนวนเงินตามตั๋วแลกเงินที่ได้สั่งจ่ายแต่ละฉบับตามคำขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงิน และลูกหนี้ยังได้เสนอให้สิทธิต่อเจ้าหนี้จะยอมชดใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วน ถ้าหากเรียกคืนตามตั๋วแลกเงินที่ยังขาดอยู่พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนอกเหนือจากตั๋วแลกเงิน ตลอดจนลูกหนี้ยินยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่เจ้าหนี้ต้องจ่ายเงินไปเกี่ยวกับการที่เจ้าหนี้ต้องรับผิดแทนลูกหนี้ ทั้งยังยินยอมให้เจ้าหนี้หักเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกหนี้ ถ้ามีเงินฝากอยู่กับเจ้าหนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกหนี้ทราบล่วงหน้า ครั้นเมื่อครบกำหนด 60 วัน นับแต่วันออกตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับ เจ้าหนี้ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท ซ. ตามที่ลูกหนี้ขอให้เจ้าหนี้จ่ายเงิน ถือได้ว่าเจ้าหนี้ตกลงหรือยินยอมปฏิบัติตามคำขอของลูกหนี้ เป็นการสนองความประสงค์ของลูกหนี้แล้ว จึงเกิดเป็นสัญญาผูกพันกันตามที่ตกลงนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะปฏิเสธว่าคำขอให้รับรองตั๋วแลกเงินของลูกหนี้ไม่มีความผูกพันหรือเป็นเพียงเอกสารประกอบการขอให้รับรองตั๋วแลกเงินโดยสิ้นความผูกพันไปพร้อมกับอายุความ 1 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1002 ไม่ได้ สิทธิเรียกร้องอันเกิดจากคำขอให้รับรองตั๋วแลกเงินที่ลูกหนี้ได้ตกลงไว้กับเจ้าหนี้ไม่มีบทกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 (เดิม) หรือมาตรา 193/30(ใหม่) คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่ไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 (1)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2541)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้(จำเลย) ทั้งสามไว้เด็ดขาดแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๘ ธนาคาร-แหลมทอง จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้รับรองตั๋วแลกเงิน จำนวน ๑,๔๑๘,๙๙๗.๗๗ บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๓ ตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า มูลหนี้อันดับที่ ๑ลูกหนี้ที่ ๓ เป็นหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน ๘๓๐,๗๐๔.๒๔ บาทเจ้าหนี้ขอมา ๘๔๐,๕๘๐.๖๗ บาท จึงขอมามากไป ๙,๘๗๖.๔๓ บาท สำหรับมูลหนี้อันดับที่ ๒ หนี้รับรองตั๋วแลกเงิน เป็นต้นเงินและดอกเบี้ยรวม๕๗๘,๔๑๗.๑๐ บาท เจ้าหนี้เป็นผู้รับรองตั๋วแลกเงินได้ชำระเงินตามตั๋วให้แก่ผู้ทรงจึงเข้ารับช่วงสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๗, ๒๒๖, ๒๒๙ (๓) เจ้าหนี้ใช้สิทธิของผู้ทรงจึงต้องฟ้องไล่เบี้ยภายในกำหนดอายุความ ๑ ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดตามมาตรา ๑๐๐๒ เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ ๒๖ มกราคม๒๕๓๙ หนี้จึงขาดอายุความ ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ เห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ ๑ จำนวน ๘๓๐,๗๐๔.๒๔ บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๓โดยให้ได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๑๖๙พร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นหลักประกันก่อนเจ้าหนี้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓) หากขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้และขาดอยู่เท่าใดให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๓ ตามมาตรา ๑๓๐(๘) ที่ขอเกินมาให้ยกเสีย และในส่วนหนี้อันดับที่ ๒ เห็นควรให้ยกเสียตามมาตรา ๑๐๗ (๑)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ ๒ จำนวน ๕๗๘,๔๑๗.๑๐ บาท อีกจำนวนหนึ่งจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๓ โดยให้ได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๑๙๖ พร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันก่อนเจ้าหนี้อื่นตามมาตรา ๙๖ (๓) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ หากขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้และขาดอยู่เท่าใดให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ ๓ ตามมาตรา ๑๓๐ (๘) และหากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากนายประยูร อัมภาพรรณ ผู้ค้ำประกันแล้วเพียงใด ให้สิทธิได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ ๒ ลดลงไปเพียงนั้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า ลูกหนี้ที่ ๓ ได้ออกตั๋วแลกเงินเลขที่ ๑๖/๒๕๓๔ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๔สั่งจ่ายเงิน ๑๑๘,๒๐๐ บาท ในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๕ ตั๋วแลกเงินเลขที่ ๑๗/๒๕๓๔ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ สั่งจ่ายเงิน ๑๒๐,๔๕๐ บาท ในวันที่ ๑๙ มกราคม๒๕๓๕ และตั๋วแลกเงินเลขที่ ๑๘/๒๕๓๔ ลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ สั่งจ่ายเงิน๑๒๐,๖๐๐ บาท ในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ ให้เจ้าหนี้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับให้แก่บริษัทซี.ซี.ออยล์ จำกัด ตามเอกสารหมาย จ.๙ ถึง จ.๑๑ ทั้งในวันที่ ๘พฤศจิกายน ๒๕๓๔ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ และวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ลูกหนี้ที่ ๓ ได้ทำคำขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงินโดยลูกหนี้ที่ ๓ ยอมตกลงว่าหากเจ้าหนี้ต้องชำระเงินตามตั๋วแลกเงินดังกล่าวทั้งสามฉบับ ลูกหนี้ที่ ๓ ยินยอมรับผิดชดใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วนรวมทั้งดอกเบี้ย ตลอดจนยินยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้แก่เจ้าหนี้ ทั้งลูกหนี้ที่ ๓ ยอมชำระค่าธรรมเนียมในการที่เจ้าหนี้เป็นผู้รับรองตั๋วแลกเงินในอัตราร้อยละ ๑.๕ ของจำนวนเงินในตั๋วแลกเงินตามเอกสารหมาย จ.๒๑ ถึง จ.๒๓ เมื่อถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วแลกเงินดังกล่าวเจ้าหนี้ได้จ่ายเงินตามจำนวนในตั๋วแลกเงินให้แก่บริษัท ซี.ซี.ออยล์ จำกัด ไปจนครบถ้วนแล้ว แต่ลูกหนี้ที่ ๓ ผิดนัดไม่ชำระหนี้ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๓๙ เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ นับแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕เป็นเวลา ๓ ปี ๑๑ เดือน ๒๓ วัน
คดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้สำหรับหนี้ตามคำขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับขาดอายุความหรือไม่ ข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลา ๑ ปี นับถัดจากวันที่ตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับถึงกำหนดใช้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๒ ประเด็นข้อนี้ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า คำขอของลูกหนี้ที่ ๓ ที่ขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงินตามเอกสารหมาย จ.๒๑ ถึง จ.๒๓ ในวันที่ ๘ พฤศจิกายน๒๕๓๔ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ และวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ กำหนดใช้เงินในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๕ วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๓๕ และวันที่ ๓ กุมภาพันธ์๒๕๓๕ ให้แก่บริษัท ซี.ซี.ออยล์ จำกัด ตามเอกสารหมาย จ.๙ ถึง จ.๑๑ หนังสือคำขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับดังกล่าวซึ่งแต่ละฉบับทำขึ้นในวันเวลาเดียวกันกับที่ลูกหนี้ที่ ๓ ได้ออกตั๋วแลกเงิน แม้ลูกหนี้ที่ ๓ จะลงลายมือชื่อแต่ฝ่ายเดียว ก็ถือได้ว่าเป็นคำเสนอขอให้เจ้าหนี้รับรองและยินยอมต่อเจ้าหนี้ให้เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ที่ ๓ ต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ตามจำนวนเงินตามตั๋วแลกเงินที่ได้สั่งจ่ายแต่ละฉบับตามคำขอให้เจ้าหนี้รับรองตั๋วแลกเงินเอกสารหมาย จ.๒๑ ถึง จ.๒๓ ข้อ ๑ และลูกหนี้ที่ ๓ ยังได้เสนอให้สิทธิต่อเจ้าหนี้จะยอมชดใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วนถ้าหากเรียกคืนตามตั๋วแลกเงินที่ยังขาดอยู่พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนอกเหนือจากตั๋วแลกเงิน ตลอดจนลูกหนี้ที่ ๓ ยินยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่เจ้าหนี้ต้องจ่ายเงินไปเกี่ยวกับการที่เจ้าหนี้ต้องรับผิดแทนลูกหนี้ที่ ๓ทั้งยังยินยอมให้เจ้าหนี้หักเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกหนี้ที่ ๓ ถ้ามีเงินฝากอยู่กับเจ้าหนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกหนี้ที่ ๓ ทราบล่วงหน้า ครั้นเมื่อครบกำหนด๖๐ วัน นับแต่วันออกตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับ เจ้าหนี้ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัทซี.ซี.ออยล์ จำกัด ตามที่ลูกหนี้ที่ ๓ ขอให้เจ้าหนี้จ่ายเงิน ถือได้ว่าเจ้าหนี้ตกลงหรือยินยอมปฏิบัติตามคำขอของลูกหนี้ที่ ๓ เป็นการสนองความประสงค์ของลูกหนี้ที่ ๓ แล้ว จึงเกิดเป็นสัญญาผูกพันกันตามที่ตกลงนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะปฏิเสธว่าคำขอให้รับรองตั๋วแลกเงินของลูกหนี้ที่ ๓ ไม่มีความผูกพันหรือเป็นเพียงเอกสารประกอบการขอให้รับรองตั๋วแลกเงินโดยสิ้นความผูกพันไปพร้อมกับอายุความ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๐๐๒ ไม่ได้ สิทธิเรียกร้องอันเกิดจากคำขอให้รับรองตั๋วแลกเงินที่ลูกหนี้ที่ ๓ได้ตกลงไว้กับเจ้าหนี้ไม่มีบทกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ (เดิม)หรือมาตรา ๑๙๓/๓๐ (ใหม่) คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่ไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓มาตรา ๙๔ (๑)
พิพากษายืน.

Share