คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เขียนข้อความลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์มีใจความเพียงว่ากฎหมายระบุให้ผู้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต้องสาบานตนว่าเป็นคนยากจน ซึ่งทางปฏิบัติมักจะดำเนินการต่อหน้าศาล แต่ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรีเจ้าพนักงานของศาลให้ผู้ร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถากล่าวคำสาบานตรงหน้าที่รับส่งคำคู่ความทำให้ผู้คนมองกันเป็นตาเดียว เหมือนกับเป็นการประจานความยากจนของผู้ร้อง จึงอยากจะให้มีการปรับปรุงแก้ไขเสียให้ถูกต้องแม้ข้อความที่ว่าการสาบานตนว่าเป็นคนยากจน ทางปฏิบัติมักจะดำเนินการต่อหน้าศาลนั้นจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ตาม แต่ข้อความทั้งหมดก็เป็นเพียงความเห็นที่เสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขการสาบานตนว่าเป็นคนยากจนไม่ให้ทำต่อหน้าผู้อื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าข้อความหรือความเห็นดังกล่าวไม่ทำให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาล หรือเหนือคู่ความหรือเหนือพยานแห่งคดีที่ผู้ถูกกล่าวหาฟ้องสหกรณ์การเกษตรเมืองปราจีนบุรี จำกัด หรือในเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในคดีดังกล่าว ซึ่งพอเห็นได้ว่าจะทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไปแต่อย่างใด ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้เขียนบทความและเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ดังกล่าว จึงยังไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ของศาลว่า หนังสือพิมพ์เสียงปราจีนบุรี ฉบับวันที่1-8 ตุลาคม 2529 ซึ่งมีนายอำพล ถนอมสิงห์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณา และนายธงชัย แสนสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ ได้ลงข้อความในคอลัมน์ยาสั่งกระซิบว่า”…เพื่อนยาสั่งได้มีโอกาสไปศาลอย่างอนาถา เห็นแนวปฏิบัติแล้วหวาดสะดุ้ง เพราะตามแนวกำหนดแห่งกฎหมายระบุเอาไว้ว่า ผู้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างอนาถาต้องสาบานตนว่าเป็นคนยากจน ซึ่งทางปฏิบัติมักจะดำเนินการต่อหน้าศาล เมื่อสาบานแล้วจ่าศาลก็จะบันทึกคำสาบานย่อ ๆ ให้ปรากฏในคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เพื่อเป็นหลักฐานให้ศาลและคู่ความฝ่ายตรงข้ามได้เห็นว่ามีการสาบานตัวตามกฎหมาย ที่ศาลอื่นเป็นอย่างไรยาสั่งไม่รู้ แต่ศาลจังหวัดปราจีนบุรีเจ้าพนักงานเล่นให้กล่าวคำสาบานต่อหน้าห้องส่งสำนวนคำร้องนั่นเอง ผู้คนมองกันเป็นตาเดียว ถูกผิดแนวปฏิบัติอย่างไรยาสั่งไม่รู้ แต่ถ้าจะให้คิด มันเหมือนเป็นการประจานกันเลยว่าเวลานี้มีคนยากจนจะมาขอใช้บริการศาลแล้วนะขอรับ โปรดได้รับรู้กันเอาไว้ด้วยอย่างไรอย่างนั้นไม่ผิด คนจนจริง ๆ เมื่อมีความจำเป็นจะขอพึ่งบารมีศาลแล้วละก็เรื่องอายเป็นเรื่องที่อยู่ทีหลังเพียงแต่อยากทราบว่ามันเป็นส่วนถูกต้องหรือไม่เท่านั้น ตามหลักปฏิบัติและหลักการของกระทรวง ยาสั่งอยากวอนว่าถ้าผิดระเบียบจรรยาของการปฏิบัติ ก็ควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องแต่ถ้าถูกต้องก็ควรทำต่อไป แต่ก็ให้ตรงเป้าหมายที่เป็นแนวปฏิบัติแห่งกฎกระทรวงก็จะดี อย่างน้อยเรื่องนี้จ่าศาลเป็นผู้รับผิดชอบมิใช่หรือขอรับ โปรดทราบด้วยก็แล้วกันว่าการปฏิบัติจริง ๆเป็นเช่นนี้ ยาสั่งไม่อยากให้ชาวบ้านยากจนเห็นศาลซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชนเป็นสถานที่ประจานความเป็นคนจนของเขา ทุก ๆ คนมีเกียรติอยากปิดป้องด้วยกันทั้งนั้น…”
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว ให้ลงโทษผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีกำหนด 2 เดือน บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ตามคดีอาญาเรื่องอื่น รวมจำคุก 2 ปี 2 เดือน จำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองอุทธรณ์ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงแก่ความตายศาลอุทธรณ์จำหน่ายคดีเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และพิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ห้าร้อยบาทอีกสถานหนึ่ง ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ข้อความที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2เขียนลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์เสียงปราจีนดังกล่าวข้างต้นนั้นมีใจความเพียงว่ากฎหมายระบุให้ผู้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต้องสาบานตนว่าเป็นคนยากจน ซึ่งทางปฏิบัติมักจะดำเนินการต่อหน้าศาล แต่ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรีเจ้าพนักงานของศาลให้ผู้ร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถากล่าวคำสาบานตรงหน้าที่รับส่งคำคู่ความ ทำให้ผู้คนมองกันเป็นตาเดียว เหมือนกับเป็นการประจานความยากจนของผู้ร้อง จึงอยากจะให้มีการปรับปรุงแก้ไขเสียให้ถูกต้องแม้ข้อความที่ว่าการสาบานตนว่าเป็นคนยากจน ทางปฏิบัติมักจะดำเนินการต่อหน้าศาลนั้นจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ตาม แต่ข้อความทั้งหมดก็เป็นเพียงความเห็นที่เสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขการสาบานตนว่าเป็นคนยากจน ไม่ให้ทำต่อหน้าผู้อื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าข้อความหรือความเห็นดังกล่าว ไม่ทำให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาล หรือเหนือคู่ความหรือเหนือพยานแห่งคดีที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฟ้องสหกรณ์การเกษตรเมืองปราจีนบุรี จำกัด หรือในเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2ร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในคดีดังกล่าว ซึ่งพอเห็นได้ว่าจะทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไปแต่อย่างใด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความและเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เสียงปราจีน จึงยังไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ข้ออื่นอีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษากลับเป็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

Share