แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 ยืนเอามือกุมด้ามปืนคุมเชิงอยู่และพูดว่าค้นเอาให้หมด ขณะที่จำเลยที่ 2 ค้นเอาเงินจากผู้เสียหายนั้นเป็นการแสดงการขู่เข็ญแล้วทั้งจำเลยที่ 2ยังกระชากมือผู้เสียหายซึ่งปิดกระเป๋าไว้เพื่อสะดวกในการล้วงเอาเงินเป็นการใช้กำลังทำร้ายย่อมเข้าลักษณะชิงทรัพย์ตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันชิงทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยสมคบกันชิงทรัพย์ของผู้เสียหายจริงดังฟ้อง มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 299, 63 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสอง ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
ศาลฎีกาเห็นว่ากริยาที่จำเลยที่ 1 ยืนเอามือกุมด้ามปืนคุมเชิงอยู่และยังได้ความอีกว่าได้พูดกระชากว่าค้นเอาให้หมดในขณะที่จำเลยที่ 2 ทำการค้นเอาเงินจากผู้เสียหายนั้นเป็นการแสดงการขู่เข็ญแล้วเพราะทำให้ผู้เสียหายกลัวภัยจากอาวุธนั้นไม่กล้าขัดขืน ทั้งยังได้ความอีกว่าผู้เสียหายเอามือปิดกระเป๋าไว้ จำเลยที่ 2 กระชากเอามือออก เพื่อให้เป็นความสะดวกในการล้วงเอาเงินเป็นการใช้กำลังทำร้ายเข้าลักษณะชิงทรัพย์ตามกฎหมาย
จึงพิพากษายืน