คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนตามคำสั่งของศาลฎีกาก็ต้องถือว่าฎีกาที่จำเลยยื่นมาไม่เป็นฎีกาที่จะรับไว้วินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายจุ่น แซ่เฮ้ง โจทก์ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัดธนบุรีให้เป็นผู้ตรวจตราสอดส่องศาลเจ้าโรงสุกร และนายลัก แซ่เจียได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองศาลเจ้าและได้รับมอบอำนาจให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินคดี
จำเลยเช่าที่ดินส่วนหนึ่งของศาลเจ้าโรงสุกร และในวันเดียวกันนั้นจำเลยได้ทำหนังสือยอมชำระหนี้แทนผู้เช่าคนก่อนด้วย ๖๒.๗๒ บาทจำเลยค้างค่าเช่า ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๘ ถึง ๒๔๘๐ เป็นเงิน ๖๕ บาท รวมเงินที่จำเลยจะต้องชำระเป็นเงิน ๑๒๗ บาท ๗๓ สตางค์ ครบกำหนดจำเลยไม่ยอมเลิก คงเช่าต่อมาจน พ.ศ. ๒๔๘๕ จำเลยจึงยอมเลิกสัญญาขนออกไป ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๓ จำเลยเข้ามาปลูกกระต๊อบในที่พิพาท จำเลยค้างค่าเช่ารวมทั้งสิ้น ๓๖๑.๗๓ บาทโจทก์ทวงและบอกเลิกสัญญา จำเลยบิดพริ้วและไม่ยอมออกจึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้าโรงสุกร ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทจำเลยครอบครองในฐานะเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยมา ๑๕ ปี จำเลยไม่เคยเช่าจากศาลเจ้าโรงสุกร หรือหากจำเลยเช่าสัญญาเช่าก็ไม่มีผลตาม ก.ม. เพราะนายเชียวไค ไม่มีอำนาจให้เช่าได้แม้มีอำนาจให้เช่า สัญญาเช่าก็กำหนด ๓ ปี เท่านั้น เมื่อครบกำหนดสัญญาและนับแต่ พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นต้นมาจำเลยครอบครองมาโดยสงบและเปิดเผยเป็นเวลา ๑๒ ปีแล้ว จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ และตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ แม้จะอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากนายลักให้ฟ้อง นายลักก็ไม่มีอำนาจมอบอำนาจให้ฟ้องได้ฯลฯ
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทยังเป็นกรรมสิทธิของศาลเจ้าโรงสุกร จึงให้จำเลยและบริวารรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ฯลฯ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์อันมีราคา ๑๐,๐๐๐ บาท กับเรียกค่าเช่าด้วย ๓๖๑.๗๓ บาท จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ซึ่งจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ แต่ในฎีกาของจำเลย ๆ เสียค่าขึ้นศาลมาเพียง ๑๕ บาท ยังขาดอีก ๒๗๓.๕๐ บาท ศาลฎีกาจึงสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลจากจำเลยเพิ่มขึ้นอีก แต่จำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยหาค่าธรรมเนียมที่ขาดอยู่มาชำระไม่ได้และไม่ติดใจดำเนินคดีต่อไป
จำเลยไม่ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบถ้วนตามคำสั่งศาลฎีกา ก็ต้องถือว่าฎีกาที่จำเลยยื่นมาไม่เป็นฎีกาที่จะรับไว้วินิจฉัย
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย

Share